ประวัติหลวงปู่ขุ้ย วัดซับตะเคียน จ.เพรชบูรณ์


ขอร่วมไว้อาลัย แด่หลวงปู่ขุ้ย ด้วยความเคารพและศรัทธา

ขอกราบนมัสการหลวงปู่ขุ้ย ด้วยความเคารพและอาลัยอย่างยิ่งครับ

 


หลวงปู่ขุ้ย ฐิตธัมโม พระเกจิลุ่มแม่น้ำกง

คอลัมน์ มงคลข่าวสด
พระอธิการวิชัยรัตน์ ฐิตธัมโม หรือที่ชาวบ้านทั่วไปรู้จักดีในนาม หลวงปู่ขุ้ย ฐิตธัมโม เป็นพระเกจิอาจารย์ศิษย์เอกสืบสายวิทยาคมจากพระครูวิชิตพัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก อ.เมืองเพชรบูรณ์ อดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเพชรบูรณ์
หลวงปู่ขุ้ย เป็นพระภิกษุที่มีใจใฝ่ปฏิบัติธรรมและรักษาธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังเป็นพระนักปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบันหลวงปู่ขุ้ย สิริอายุ 87 พรรษา 65 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดซับตะเคียน ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
อัตโนประวัติ ถือกำเนิดในสกุล ท่อนทอง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2464 ที่บ้านท่ามะทัน ต.ท่าอีบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โยมบิดา-มารดา ชื่อนายทองดีและนางทองสุข ท่อนทอง
ช่วงวัยเยาว์เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่บ้านเกิด พออายุได้ 12 ปี บิดาถึงแก่กรรม จึงได้บรรพชาบวชหน้าไฟให้โยมบิดา แต่ด้วยความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า แม้จะเสร็จงานศพบิดา แต่ไม่ยินยอมลาสึก ขออนุญาตโยมมารดา บวชเรียนต่อไป
ต่อมา ได้ทราบถึงกิตติศัพท์หลวงพ่อทบ วัดพระพุทธบาท อ.ชนแดน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีประชาชนเคารพนับถือ จึงเกิดศรัทธา เดินทางจากบ้านเกิดไปยัง อ.ชนแดน เพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์อยู่รับใช้อุปัฏฐาก ตักน้ำ เทกระโถนน้ำหมาก ล้างบาตร ปัดกวาดเสนาสนะ
ด้วยความเมตตาหลวงพ่อทบ จึงได้ถ่ายทอดสรรพวิชาคาถา การทำตะกรุดโทน ลงเลขยันต์คาถา ผ้ายันต์ และได้ศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานและกำหนดจิต มีความรู้แก่กล้าตามลำดับ สามารถเสกข้าวสารให้ไก่กิน และศึกษาเรียนรู้ในการจัดสร้างพระกริ่ง หล่อ ตามประเพณีโบราณ
ผลสัมฤทธิ์ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สามเณรขุ้ยมีความชำนาญอย่างยิ่ง
ครั้นอายุได้ 22 ปี จึงเข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดศรีมงคล อ.หล่มสัก เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2486 โดยมีพระมหาหยวก เจ้าคณะอำเภอหล่มสัก เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการคำปัน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการวันดี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้รับฉายาว่า ฐิตธัมโม หมายความว่า ผู้มีจิตใจตั้งมั่นในธรรม
ภายหลังอุปสมบท อยู่ปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์ 2 พรรษา จึงได้กราบลา เดินทางไปจำพรรษายังวัดชนแดน เพื่อศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมและปฏิบัติกัมมัฏฐานจากหลวงพ่อทบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อการปฏิบัติธรรมแก่กล้า ท่านได้กราบลาหลวงพ่อทบ ออกเดินท่องธุดงควัตรไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
พ.ศ.2486 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลท่าอีบุญ ปกครองพระสงฆ์-สามเณร ได้ระยะหนึ่ง เกิดความเบื่อหน่าย จึงได้ขอลาออก และออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ แขวงจำปาสัก ประเทศลาว ประเทศเขมร
ตลอดระยะเวลาในการถือธุดงควัตร ท่านได้สนทนาธรรมกับพระสายวัดป่าหลายรูป และศึกษาไสยเวทจากอาจารย์เขมรและลาวหลายรูป
พ.ศ.2517 หลวงปู่ขุ้ย ได้เดินธุดงควัตรตามแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าขึ้นทิศตะวันออก ในที่สุด หลวงปู่ได้เดินทางมายังบ้านท่าด้วง ได้เล็งเห็นความเจริญที่จะเกิดขึ้นแก่หมู่บ้านนี้ในอนาคต ประกอบกับมีป่าไม้ แหล่งน้ำไหลผ่าน ท่านจึงได้หยุดธุดงค์ และชักชวนชาวบ้าน สร้างวัดขึ้นที่หมู่บ้านซับตะเคียน
บ้านซับตะเคียน เป็นบ้านป่า ดงดิบ เต็มไปด้วย เสือ ช้าง และสัตว์มีเขี้ยวพิษนานาชนิด เต็มไปด้วยไข้ป่า อยู่ห่างจาก อ.หนองไผ่กว่า 40 ก.ม. ถ้าจะเดินทางมายังที่ตั้งตัวจังหวัด ต้องใช้เวลาเป็นแรมเดือน เมื่อชาวบ้านเจ็บไข้ไม่สบาย หลวงปู่ขุ้ยได้เข้าป่าหาสมุนไพร มารักษาชาวบ้านด้วยตนเอง แทนยาจากในเมือง
เมื่อคราวเกิดโรคห่าระบาด หลวงปู่ได้นำยาสมุนไพรรักษาชาวบ้านจนหายป่วย เรื่องยาสมุนไพรเป็นที่ขึ้นชื่อมาก แม้ถึงทุกวันนี้ ยังมีชาวบ้านที่เจ็บป่วยไปให้ท่านทำการรักษาอยู่เป็นประจำ
หลวงปู่ขุ้ย อยู่จำพรรษาชักชวนชาวบ้านเข้าวัด ฟังธรรม รักษาศีล จนเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน รวมทั้งได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดซับตะเคียนแห่งนี้
ด้านวัตถุมงคล หลวงปู่ขุ้ยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อทบ บรรดาคณะศิษยานุศิษย์ที่รู้ในกิตติศัพท์ด้านวิทยาคมของท่าน จึงได้ขอร้องให้ท่านจัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อนำเงินมาจัดสร้างเสนาสนะ ศาลา อุโบสถ
หลวงปู่ขุ้ย ได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลายรุ่น เป็นที่เชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ ในด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด จึงมีผู้ศรัทธาเลื่อมใส ไปขอบูชามามากมายจนชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปในหลายจังหวัด
วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมสูงคือ ตะกรุดโทน ตะกรุด 9 ชั้น รูปหล่อลอยองค์ และอีกหลายรุ่น วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมีผู้มาขอบูชาหมดไปในเวลาไม่นาน และผู้ที่เช่าหาวัตถุมงคลของท่านต่างมีประสบการณ์แคล้วคลาดต่างๆ มากมาย
นอกจากนี้ ยังมี กริ่งเพชรกลับ ที่หลวงปู่สร้างขึ้นตามตำรับโบราณ ที่ร่ำเรียนมาจากหลวงพ่อทบ ได้รับความนิยมสูง จนกลายเป็นของหายาก
ในด้านการเผยแผ่ธรรม หลวงปู่ขุ้ยเป็นพระที่ทันสมัย ใช้ธรรมะสั่งสอนชาวบ้าน ให้รู้จักทำมาหากินด้วยความสุจริต มีความอดทน ขยันหมั่นเพียร มิให้ลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุข ใช้ชีวิตอย่างสมถะ และพอเพียง ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หลวงปู่ขุ้ย ได้สั่งสอนให้ชาวบ้านได้เจริญภาวนาสมาธิ ให้ยึดมั่นในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าและปฏิบัติตามศีล 5 ศีล 8 หรืออุโบสถศีล อย่างเคร่งครัด ให้เป็นคนคิดดี ทำดี พูดดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน
หลวงปู่ขุ้ย ถือเป็นผู้นำทางคุณธรรมศีลธรรมของชาวบ้านซับตะเคียนอย่างแท้จริง ด้วยความที่เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่สะสม และยึดติดในอติเรกลาภ ชาวบ้านทั้งอำเภอ ต่างจังหวัด จึงให้ความเคารพศรัทธา ด้วยกุศลจิตอย่างแท้จริง
แม้ล่วงวัย 87 ปี แต่หลวงปู่ขุ้ย ยังคงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไปกิจนิมนต์ไกลๆ ได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย
หลวงปู่บอกว่า ที่ท่านอายุยืน มิเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นเพราะว่า ท่านทำสมาธิ เจริญภาวนา และทำจิตใจให้ผ่องใสตลอดเวลา ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง ส่วนมากจะฉันอาหารประเภทผัก ผลไม้ เป็นประจำ
หลวงปู่ขุ้ย เป็นพระสายปฏิบัติและเป็นศิษย์รูปสุดท้ายของหลวงพ่อทบ
วัดของท่านอยู่ติดเทือกเขาเพชรบูรณ์ เขตแดนติดต่ออ.หนองบัวแดง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ถ้าไม่มีกิจนิมนต์ที่ใด ส่วนมากท่านจะอยู่ที่วัดเป็นประจำ
นับเป็นพระดีอีกรูปหนึ่งของเมืองมะขามหวาน


ที่มา...คอลัมน์ มงคลข่าวสด
วัตถุมงคลหลวงปู่ขุ้ยชื่อ เสียงของ "หลวงปู่ขุ้ย" แห่งเทือกเขาบรรทัด จ.เพชรบูรณ์ ได้แผ่พลานุภาพกว้างไกลไปทั่วประเทศด้วย สิ่งหนึ่งเกิดจากการใช้วัตถุมงคลของท่าน ด้วยเหตุที่หลวงปู่ขุ้ยเป็นผู้สืบทอดพระเวทวิทยาคม ยอดครูบาอาจารย์เฒ่าองค์เก่าแก่ กล่าวคือสืบสายวิชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน แห่งพิจิตร เจ้าตำรับรูปหล่อมีค่าเหนือทองคำ ผ่านทางหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง สุดยอดตะกรุดคู่ชีวิตพิชิตภัย ส่งต่อมาถึงหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ยอดเกจิแห่งเพชรบูรณ์ จนมาถึงหลวงปู่ขุ้ย แห่งวัดซับตะเคียนแห่งนี้ เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อทบ อีกสายวิชาหนึ่งที่น่าสนใจ คือสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ส่งผ่านมายังพระใบฎีกาบุญยัง พระลูกศิษย์ฐานานุกรมหลวงปู่ศุข และมาถึงหลวงปู่ขุ้ยอีกเช่นกันหลวงปู่ขุ้ยมีรุ่นพี่ที่เคารพนับถือกันมาก "หลวงพี่มุ่ย วัดดอนไร่" ยอดเกจิอาจารย์แห่งสุพรรณบุรี นอกจากนี้ท่านยังดั้นด้นเดินธุดงค์ไปเรียนวิชาขอมลาง จากหลวงปู่พรหมสร (รอด) และครูบาแดง แห่งประเทศลาว สั่งสมอบรมพระเวทวิทยาวิชาญาณ ก่อนจะเป็นยอดเกจิดังชื่อก้องในเมืองไทยขณะนี้ ด้วยปาฏิหาริย์และจิตอันเป็นเมตตาไม่มีประมาณ จนถูกขนานนามว่า "เมตตาดุจพระเตมีย์ เจ้าแห่งมนต์เศรษฐีมีชัย เสกเป่าอะไรเป็นร่ำรวย"
เรื่องแปลกของหลวงปู่ขุ้ยที่ใครได้ไปกราบท่านแล้วมักจะฝันถึงท่านอยู่บ่อยๆ หลวงปู่จะมาโปรดในกิริยาต่างๆ ทั้งมาบิณฑบาตโปรดศิษย์บ้าง มาที่บ้านนั่งกวักให้บ้าง บางทีหลวงปู่จะมาบอกคาถาให้บ้าง จนเป็นเรื่องปกติในหมู่ศิษย์ของหลวงปู่ เมื่อกลางปีนี้ศิษย์ของหลวงปู่ขุ้ยที่อุบลราชธานีมากราบหลวงปู่ที่วัดพร้อม เล่าประสบการณ์ว่า หลวงปู่ไปบิณฑบาตถึงหน้าบ้านเขา ทั้งๆ ที่ความจริงหลวงปู่นั่งสมาธิอยู่ที่กุฎิ กับเรื่องกายทิพย์ของหลวงปู่ลูกศิษย์ยังพบเจออีกมาก จนเป็นที่มาของการจัดสร้างล็อกเกตกายทิพย์ของหลวงปู่ขุ้ย ที่นำอิริยาบถที่ท่านโปรดศิษย์มารวมไว้ในล็อกเกตนี้ทั้ง 3 องค์คือ หลวงปู่ขุ้ย ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์แพร่บารมีถึงบ้าน รูปหลวงปู่นั่งกวัก เรียกว่า รูปกวักลาภ ที่ช่วยคนทำมาหากินค้าขายดีมานักต่อนักแล้ว รูปหลวงปู่อุ้มบาตร ที่บาตรหลวงปู่เปิดฝาบาตรไว้ เป็นมหาทานโภคทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เข้าบาตรหลวงปู่
การจัดสร้างวัตถุมงคลมีการออกแบบล็อกเกตรูปทั้ง 3 ของหลวงปู่ขุ้ยได้อย่างลงตัว มีคำอวยพรของหลวงปู่ที่ว่า "มั่ง มี ศรี สุข" ด้านหลังได้นำผงวิเศษ 4 ชนิด อุดไว้ คือ ผงข้าวก้นบาตรของหลวงปู่, ผงไม้ตะเคียนที่มีมาอย่างประหลาด, ผงชานหมากยอดของขลังที่สร้างชื่อให้หลวงปู่จนได้ฉายาว่า ชานหมากอุดลูกปืน, ผงวิเศษที่หลวงปู่ลบเอง พระใบมะขามองค์เล็กเนื้อชิน และผ้าจีวรของหลวงปู่จัดสร้าง 3 สี คือ สีซีเปีย, สีเขียว, สีชมพู อีกอย่างคือตะกรุดดอกเล็กน่ารักชื่อตะกรุดพิสมร เงินเต็มไหร้อยไหมเจ็ดสี หลวงปู่งัดเอาพระปรกใบมะขามมาวัด ขนาด 7 ใบมะขามต่อกัน ลงแผ่นตะกั่วจาร นะเรียกเงิน ขนาบด้วย "เฑาะมหาพรหม และนะบังเกิดเศรษฐี" ร้อยไหม 7 สีไว้ หลวงปู่ทำไว้ไห้คนที่มาหาท่านมาขอความเป็น เศรษฐี ขอให้มีโชคลาภ จากท่าน ดังคำท่านที่ว่า "พิสมรเงินเต็มไห-ข้าวเต็มนา-รวยท่วมฟ้า" ข่าวดี หลวงปู่ขุ้ยจะมาลงวิชากระหม่อมเพชร ที่วัดกระจับพินิจ วันอาทิตย์ที่ 2 ธ.ค. 2550 นี้ เวลาบ่ายโมง ท่านที่สนใจสอบถามได้ที่ วัดซับตะเคียน วัดหิรัญรูจี วัดกระจับพินิจ, วัดหัวลำโพง (พระครูสุเทพ) และศูนย์พระเครื่องชั้นนำทั่วไป ข่าวสด
---------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พระอธิการวิชัยรัตน์ ฐิตธัมโม หรือ "หลวงปู่ขุ้ย" เจ้าอาวาสวัดซับตะเคียน ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ. เพชรบูรณ์ เกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.เพชรบูรณ์ มรณภาพแล้วหลังเกิดอาการอาพาธจนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์เป็นเวลานาน กระทั่งเมื่อเวลา 15.07 น.ของวันที่ 26 สิงหาคม หลวงปู่ขุ้ยอาการเริ่มทรุดหนัก เนื่องมาจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ประกอบกับชราภาพ จึงได้ละสังขารไปด้วยสิริอายุรวม 91 พรรษา พระราชพัชราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยพระอาจารย์ลอย ธนปัญโญ รักษาการเจ้าอาวาสวัดซับตะเคียนและพระลูกวัด รวมทั้งนายสุชาติ ราษฎร์ดุษฎี ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ นำสังขารของหลวงปู่ขุ้ยเดินทางกลับไปที่วัดซับตะเคียนเพื่อตั้งบำเพ็ญกุศล โดยในวันที่ 27 สิงหาคม จะทำพิธีรดน้ำศพ โดยเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์หลวงพ่อได้กราบไหว้


ข่าวจากมติชน
------------------------------------------------------------------------------------
เดลินิวส์  วันเสาร์ที่27สิงหาคม2554

สิ้นหลวงปู่ขุ้ย เกจิชื่อดังแห่งวัดซับตะเคียน เพชรบูรณ์ ละสังขารสงบด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด


เมื่อวันนี้ (26 ส.ค.) เวลา 15.07 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากคณะแพทย์ รพ.เพชรบูรณ์ ว่า หลวงปู่ขุ้ย ฐิตฺธัมโม วัดซับตะเคียน อ.หนองไผ่ ได้ละสังขารอย่างสงบด้วยโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต ที่ห้องไอซียู อาคาร 50 ปี รวมอายุ 90 ปี 68 พรรษาหลังเข้ารับการรักษาตัวมานานตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.2554 ทั้งนี้หลังทราบข่าวการละสังขารของหลวงปู่ขุ้ย บรรดาศิษยานุศิษย์ต่างแห่แหนเดินทางมาเคารพศพอย่างเนืองแน่น

นายชัยเจริญ สมจิตร อายุ 54 ปี ลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่ขุ้ย กล่าวว่า ขณะนี้คณะศิษย์ได้หารือโดยจะนำสังขารหลวงปู่ไปบำเพ็ญกุศล กำหนดสวดพระอภิธรรม 100 วัน ที่วัดซับตะเคียน อ.หนองไผ่ ส่วนจะเก็บศพหลวงปู่ไว้หรือจะขอพระทานเพลิงศพหรือไม่นั้น อยู่ในระหว่างหารือกับคณะกรรมการวัด และพระชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนฟังความประสงค์จากชาวบ้านด้วย

สำหรับหลวงปู่ขุ้ย เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เป็นศิษย์เอกสืบสายวิทยาคมจากพระครูวิชิตพัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน อดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองเพชรบูรณ์ เป็นพระภิกษุที่มีใจใฝ่ปฏิบัติธรรมและรักษาธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังเป็นพระนักปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันหลวงปู่ขุ้ย ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดซับตะเตียน ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ โดยช่วงปี พ.ศ.2517 หลวงปู่ขุ้ย ได้เดินธุดงควัตรตามแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ มุ่งหน้าขึ้นทิศตะวันออก ในที่สุดเดินทางมายังบ้านท่าด้วง ได้เล็งเห็นความเจริญที่จะเกิดขึ้นแก่หมู่บ้านนี้ในอนาคต จึงหยุดธุดงค์และชักชวนชาวบ้านสร้างวัดขึ้นที่หมู่บ้านซับตะเคียน ทั้งนี้ ก่อนการละสังขารหลวงปู่ขุ้ย และคณะศิษย์ได้สร้างวัตถุมงคลจำนวนมาก อาทิ พระกริ่ง เหรียญ รูปหล่อเหมือน ตลอดจนเครื่องรางต่างๆ จนท่านมีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อวัตถุมงคลหลายรุ่นมีประสบการณ์ทั้งทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และเมตตามหานิยม เป็นต้น.