4 พระเกจิฯนามมงคล(2) หลวงปู่ทิม-วัตถุมงคลดัง
คอลัมน์ มุมพระเก่า อภิญญา...เขียน
หลวงปู่ทิม อิสสริโก
พระเกจิอาจารย์ดัง "หลวงปู่ทิม อิสสริโก" วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้ชื่อว่าเป็น "เทพเจ้าภาคตะวันออก" เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า องค์พระอริยสงฆ์ที่ทรงปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทรงวิทยาคุณมีความศักดิ์สิทธิ์ มีอภินิหาร จนเป็นที่เลื่องลือของประชาชนชายฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศไทย หรือลูกศิษย์ลูกหาหลายคนขนานนามท่านว่าเทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก
ชีวประวัติของท่านนั้น ได้มีนิตยสารหนังสือพระเครื่องหลายเล่มนำมาเสนออย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ไม่ค่อยได้นำเสนอมากนักนั่นก็คือเรื่องอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ในด้านปลุกเสกวัตถุมงคล ในที่นี้มีบางเรื่องที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาเล่าให้ฟัง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่วัดกระบกขึ้นผึ้ง ได้จัดให้มีพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ในพิธีนี้หลวงพ่อทาบ เจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้ง ในสมัยนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังในทางทำสีผึ้งอันศักดิ์สิทธิ์ ในทางเมตตามหานิยมสูง ในวันนั้นได้นิมนต์หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลด้วย
ระหว่างที่พระอาจารย์รูปอื่นนั่งปรกอยู่นั้นหลวงปู่ทิมก็ได้เดินทางมาถึงงานล่าช้านิดหน่อย ท่านจึงเดินตรงที่พระอุโบสถ ซึ่งทางวัดได้จัดเตรียมอาสนะไว้ให้ท่าน เพียงช่วงที่หลวงปู่ทิมได้หยิบด้ายสายสิญจน์ขึ้นมาถือไว้ในมือเบาๆ เท่านั้น พระอาจารย์ที่ร่วมนั่งปรกอยู่ก่อนหน้านั้นทุกรูปถึงกับสะดุ้งเหมือนโดนไฟฟ้าชอร์ต เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังจิตอันแก่กล้าของหลวงปู่ทิมอย่างเห็นได้ชัด
พระกริ่งชินบัญชร
เรื่องที่สอง เมื่อประมาณปี 2511 ที่วัดตะพงนอ อ.เมือง จ.ระยอง ได้มีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของหลวงพ่อจันทร์ วัดตะพงนอก ในพิธีดังกล่าวได้มีการนิมนต์พระเกจิอาจารย์มาร่วมพิธีหลายรูป และหลวงปู่ทิมก็เป็นรูปหนึ่งในจำนวนนั้น
หลังจากที่ได้เริ่มพิธีปลุกเสก บรรดาพระอาจารย์ต่างนั่งปรกปลุกเสกอย่างเต็มที่ หลวงพ่อรัตน์ (อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก) ซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสตะพงนอก ได้นำโอ่งใส่น้ำสำหรับทำน้ำมนต์มาตั้งไว้ด้วย และได้นิมนต์หลวงปู่ทิมมาทำน้ำมนต์เพียงรูปเดียวเท่านั้น
หลังจากที่หลวงปู่ทิม ได้นั่งปรกทำน้ำมนต์อยู่นั้น เหตุการณ์ที่อัศจรรย์ได้เกิดขึ้น ต่อหน้าประชาชนจำนวนมากมายที่อยู่ภายในงานขณะนั้น พอหลวงปู่ทิมเริ่มนั่งปรกปลุกเสกน้ำในโอ่งที่เตรียมไว้นั้นได้เริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่าหลังจากเสร็จพิธีน้ำมนต์ในโอ่งนั้นได้ถูกผู้ที่มาร่วมในพิธีแย่งไปจนหมดสิ้น
เรื่องอิทธิฤทธิ์อภินิหารของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง หลวงพ่อรัตน์ วัดหนองกระบอก ท่านได้เล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งได้นิมนต์พระอาจารย์ชื่อดังมาถึง 4 รูปด้วยกัน มี หลวงพ่อหอม วัดซาวหมาก หลวงพ่ออ่ำ วัดท้องคุ้ง หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า และองค์สุดท้ายหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
โดยนิมนต์ให้หลวงพ่อทั้ง 4 รูป ต่างคนต่างทำตะกรุดสาริกาองค์ละดอก ตามตำราของแต่ละท่านที่ได้ร่ำเรียนมา เมื่อได้ตะกรุดมาทั้งหมดแล้วได้นำไปรวมไว้ในบาตรที่มีน้ำมนต์อยู่เรียบร้อยแล้ว
หลวงพ่อทั้ง 4 รูปนั่งล้อมบาตร จากนั้นหลวงพ่อรัตน์ได้นิมนต์ให้เสกตะกรุดที่อยู่ในบาตร โดยเริ่มจากหลวงพ่อหอมก่อน แล้วก็เป็นหลวงพ่ออ่ำ และหลวงพ่อชื่น รูปสุดท้ายเป็นหลวงปู่ทิม
สิ่งที่แปลกก็คือ หลวงปู่ทิมได้นั่งบริกรรมคาถาจนตะกรุดลอยขึ้นมาจากก้นบาตรเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก หลวงพ่อหอม หลวงพ่ออ่ำ หลวงพ่อชื่น และหลวงพ่อรัตน์ได้เห็นดังนั้นถึงกลับตกใจ และได้กระซิบบอกหลวงปู่ทิมว่าขอให้ท่านทำให้ตะกรุดลอยขึ้นมาวิ่งไปรอบบาตรได้ไหม
หลวงปู่ทิมก็ได้นั่งบริกรรมคาถาต่อจนกระทั่งตะกรุดวิ่งไปรอบๆ ในบาตร ท่ามกลางความตกตะลึงของพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธีในวันนั้น กลายเป็นเรื่องโจษจันกันไปทั่วจังหวัดระยอง
หากพูดถึงวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมที่ท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้มีอยู่มากมายหลายรุ่น อาทิ พระกริ่งชินบุญชร เหรียญหลวงปู่ทิม ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมาก เหรียญรุ่น 1 หรือที่เรียกว่า รุ่นแรก สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2508 เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานทำบุญฉลองสมณศักดิ์ที่ท่านได้เป็น พระครูภาวนาภิรัต
หลวงปู่ทิม แม้วันนี้ท่านได้ละสังขารเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ไปแล้ว แต่ลูกศิษย์ลูกหายังนึกถึงท่านอยู่ตลอด
พระเครื่องวัตถุมงคลตลอดจนเครื่องรางของขลังที่ท่านสร้างขึ้นมาได้สงเคราะห์ผู้ใช้ที่เคารพนับถือมามากมายนับไม่ถ้วน สนนราคาที่ตีค่าเป็นเงินนับวันจะเพิ่มขึ้นและหายากขึ้นทุกวัน วัตถุมงคลหลายชนิดมีปัญหาและสับสนจากผู้รู้จริงบ้างไม่รู้จริงบ้าง ด้วยความโลภและขาดคุณธรรมของบางคน จึงเป็นเหตุให้วัตถุมงคลของท่านมีปัญหามากมาย เป็นที่กังขาสิ่งไหนสร้างทันสร้างไม่ทันท่าน
ขนาดการทำพิธีปลุกเสกก็ยังมีหลายคนเอามากล่าวอ้างจนทำให้ท่านเสียชื่อเสียงก็มี อย่างเรื่องที่มีคนบางคนไปพูดว่าท่านได้นำเด็กทารกที่เสียชีวิตแล้ว มาเป็นมวลสารในการทำวัตถุมงคล
เรื่องนี้มีผู้รู้กล่าวว่า ในครั้งนั้นได้มีลูกศิษย์นำเอาลิ้นเด็กทารก (ทั้งกรโหลกครับ)และ(น้ำม้นที่รองด้วยกระป๋องนมที่สั่งให้คนจัดการเผาของวัดละหารใหญ่ 1 ขุดหลุมรองไว้)กระป๋องนมใหญ่) ที่เสียชีวิตแล้วในท้องแม่ (ตายท้องกลม) มาให้ท่านเป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคลท่านก็ไม่ขัดข้อง ได้นำมาบดได้ 1 ถ้วยตะไล เป็นมวลสารในการสร้างพระขุนแผนพลายกุมารที่โด่งดังมากอยู่ในปัจจุบัน ราคาเล่นหาเป็นหลักหมื่นหลักแสน
วันนี้หลวงปู่ทิมท่านได้จากลูกศิษย์ลูกหาไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือคุณงามความดี และวัตถุมงคลที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ และคุ้มครองภยันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยมแก่ผู้ที่ได้พบเห็น
สำหรับทายาทที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมอย่างครบถ้วนจากหลวงปู่ทิม ขณะนี้กำลังมีชื่อเสียง พระเกจิอาจารย์รูปนั้นก็คือ "พระอาจารย์สาคร มนุญโญ" แห่งวัดหนองกรับ จ.ระยอง ใครอยากได้ของดีที่พุทธคุณไม่ธรรมดาลองไปหาท่านดูก็แล้วกัน
หน้า 31
_______________________________________________________________________________
นอกจากจะนำวัตถุมงคลดังกล่าวเข้าพิธีปลุกเสกเดี่ยวตามแบบดั้งเดิมของหลวงปู่ทิมแล้ว ยังจะมีการประกอบพิธีเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ ตามตำหรับของ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.ระยอง ซึ่งผนวกกับ พระกริ่งชินบัญชร ของ หลวงปู่ทิม ออกมาเป็นรูปแบบของ พระกริ่งเทพโมลี สุดยอดพระกริ่งของ สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์เทพวราราม ทั้งนี้เป็นต้นความคิดของ คุณชินพร ตั้งแต่การสร้าง พระกริ่งชินบัญชร โดยนำเอา พระกริ่งใหญ่ และ พระชัยวัฒน์กะไหล่ทอง ของ สมเด็จพระสังฆราชแพ มาเป็น ต้นแบบการสร้างพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ ในครั้งนี้ จึงน้อมเอาความใผ่ฝันเดิมที่เชื่อว่าเมื่อจะสร้างก็ต้องสร้างให้เป็นสุดยอด พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ นี้ เป็นความดำริของ “แพร สีทอง” ผู้สร้าง พระกริ่งโลกนาถ ให้หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส หนึ่งในภาคตะวันออกที่โด่งดังมาแล้ว โดยนำมาผนวกกับ พระกริ่งชินบัญชรของหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิอาจารย์ที่ หลวงพ่อคง นับถือ ทั้งนี้จะประกอบพิธียก ยอดฉัตร และนำ พระกริ่งชินบัญชร ขนาดหน้าตัก ๓๖ นิ้ว ขึ้นสู่เจดีย์ภาวนาภิรัติ พร้อมทั้งเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ ไปในพิธีเดียวกัน เรียกตามสำนวนชาวบ้านว่า “สามเสือตะวันออก” ก็น่าจะเป็นสุดยอดพระกริ่งอีกครั้งหนึ่ง สำหรับพระชัยวัฒน์นี่จำเป็นจะต้องสร้างขึ้นคู่กับพระกริ่งก็จะน้อมนำเอา พระชัยวัฒน์โลกนาถ รุ่นปี ๒๕๒๓ มาเป็นต้นแบบ พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ นี้ ถอดพิมพ์จาก พระกริ่ง “เทพโมลี” ซึ่งเป็นพระกริ่งรุ่นแรกฯ ที่ สมเด็จพระสังฆราชแพ ทรงสร้างขึ้นครั้งเป็น “พระเทพโมลี” ถ้าของพระกริ่งเป็นแบบไทย สวยงดงามและเป็นที่แสวงหากันมากแต่ก็หายากสุดๆ เพราะท่านหล่อไว้น้อยมาก พระกริ่งเทพโมลี จึงเป็นที่แสวงหากันทียากแสนยาก และมีสนนราคาเป็นล้าน ยากที่จะมี และยากที่จะหาได้ การสร้าง พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ “พิมพ์เทพโมลี” ในครั้งนี้จึงเป็นการสนองความต้องการผู้นิยามพระกริ่งพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ จะเททองหล่อแบบโบราณที่ลาน วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ในพิธีเดียวกันกับการยก ยอดฉัตร ขึ้นสู่ มหาเจดีย์ภาวนาภิรัตติ อัญเชิญ พระกริ่งชินบัญชรบูชา บาตรใหญ่ สู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัตในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันทำบุญระลึกถึงวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่ทิม ซึ่งผู้ที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิมถือว่าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อไปร่วมทำบุญแล้วอธิษฐานขออะไรก็มักประสบความสำเร็จ จึงเททองกัน ณ วันนี้เพื่อให้พระกริ่งที่ได้มีส่วนเกื้อกูลพระพุทธศาสนาจนสำเร็จ แต่ผู้สร้างทั้ง แพรสีทอง และ คุณชินพร สุขสถิตย์ ก็ยังไม่ลืมการจุติเริ่มแรกของ พระกริ่งเทพโมลี จึงจะนำพระกริ่ง ชินบัญชรโลกนาถ หรือ เทพโมลี ไปประกอบพิธี บวงสรวง และ ปลุกเสก ใน คืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ของปีนี้ ซึ่งตรงกับ วันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ วัดสุทัศน์เทพวราราม พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ สร้างด้วย เนื้อนวะ ตามสูตรเดิมของพระสังฆราชแพ โดยมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยเพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง และมีจำนวนการสร้างประมาณ 2,999 องค์ ค่าบูชาเนื้อนวะโลหะ องค์ละ ๑,๕๐๐ บาท พระชัยวัฒน์น้ำเต้าเอียงองค์ละ ๕๐๐ บาท สร้างเท่าจำนวนพระกริ่ง สำหรับเนื้อพิเศษต่างๆ จะแจ้งให้ทราบภายหลัง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ท่านสามารถรับฟังได้ในรายการ “เสียงจากประสก” ของ แพรสีทอง ทางสถานีวิทยุ คลื่นความถี่ 630 เอเอ็ม นอกจากจะเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชร โลกนาถ ตามแบบโบราณประเพณีแล้ว ยังจะหล่อรูปเหมือน “ขุนแผนยอดขุนพล” ขึ้นพร้อมกัน โดยจะประดิษฐานไว้ที่วัดละหารไร่ ๑ องค์ เพื่อให้ผู้คนทั่วสารทิศมากราบไหว้บูชาเพื่อขอความสำเร็จ โชคลาภ และด้านความรัก ส่วนอีกองค์หนึ่งจะนำไปถวาย วัดหนองประชุม ต.วังด้ง อ.เมือง จ. กาญจนบุรี วัดอันเป็นที่เกิดของ หลวงปู่เฒ่ายิ้ม ซึ่งเป็นพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งที่ประสิทธิประสาทวิชา ผงพรายกุมาร ให้หลวงปู่ทิม จนหลวงปู่ทิมทำได้ขลังเท่ากับพระขุนแผนกรุ วัตถุมงคลทั้งหมดที่มูลนิธิหลวงปู่ทิม จัดสร้างขึ้นจะทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวตามแบบฉบับดังเดิมของหลวงปู่ทิมที่ถือคติว่า ชาติเสือต้องหาเนื้อกินเอง เรียกว่า เดี่ยวอย่างมั่นใจ ไม่ต้องให้ใครมาช่วยเดี่ยว ซึ่งสามารถจองแล้วรับของได้ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญ โดยการสั่งจองพร้อมชำระเงิน ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก ขอเชิญร่วมกุศลอันยิ่งใหญ่ ในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๕ ปี ของหลวงปู่ทิม ในวันที่ ๑๖ ต.ค. ๒๕๕๓
๑. ยกยอดฉัตร ( ยอดเจดีย์ ) พระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต
๒. อัญเชิญ “พระกริ่งชินบัญชรมหามุนี” ๓๖ นิ้ว ขึ้นประดิษฐาน
๓. ฉลองบาตรใหญ่
๔. สร้างอนุสรณ์ “พ่อขุนแผนแสนสะท้าน” ยอดขุนพล
๕. ทอดกฐินสามัคคี พร้อมยก “ขุนแผนเฝ้าเมือง” ขึ้นแท่น ณ วัดหนองประชุม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ( ๖- ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ )
๖. สร้างวัตถุมงคลรุ่น “ยอดฉัตร” สมนาคุณผู้ร่วมบุญ
๗. เททองหล่อพระกริ่ง “ชินบัญชรโลกนาก” ให้หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
หลังจาก หลวงปู่ทิม อิสริโก มรณภาพแล้วไม่นาน เครื่องรางของขลังตลอดจนวัตถุมงคลต่างๆ ของท่านได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง คงจะสืบเนื่องจากอำนาจพุทธคุณอันโดดเด่นที่ท่านบรรจุไว้ ทำให้บังเกิดผลแก่ผู้ที่เคารพนับถือชนิดครอบจักรวาล ทำให้วัดละหารไร่ที่เดิมชำรุดทรุดโทรม เจริญก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่คณะศิษย์ร่วมกันก่อตั้งไว้ก็มีส่วนสำคัญยิ่งในการพัฒนาวัดละหารไร่ ไม่ว่าจะเป็นการขยายพื้นที่ และถมที่จากเดิมที่มีเพียง ๑๕ ไร่เป็น ๖๐ กว่าไร่ อีกทั้งได้ร่วมก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ อีกมากมายหลายอย่าง ตลอดจนส่งเสริมการศึกษา และจัดตั้งหน่วยช่วยเหลือประชาชนเคลื่อนที่ ( มาบตาพุด ) จัดรถรับส่งคนเจ็บ - คนตาย ในแถบนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง
วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบรอบ ๓๕ ปีของ หลวงปู่ทิม อิสริโก นอกจากจะมีการทำบุญเพื่อระลึกถึงหลวงปู่ทิมดังเช่น ๓๔ ปีที่แล้วมา ในปีนี้จะมีพิธี ยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต , ฉลองบาตรใหญ่ , อัญเชิญพระกริ่งชินบัญชรมหามุนี ๓๖ นิ้วขึ้นสู่มหาเจดีย์ฯ พร้อมกันนั้นจะทำพิธี เททองหล่อรูปขุนแผนยอดขุนพล ตั้งบูชาไว้ ณ คุ้มขุนแผนภายใน วัดละหารไร่ ๑ องค์, และอีก ๑ องค์ จะนำไปประดิษฐาน ณ วัดหนองประชุม ต.วังด้ง อ.เมือง กาญจนบุรี บ้านเกิดของ หลวงปู่เฒ่ายิ้ม พระอาจารย์อีกองค์หนึ่งที่ประสิทธิวิชาทำ ผงพรายกุมาร ให้หลวงปู่ทิมจนโด่งดัง พร้อมกันนั้นคณะศิษย์หลวงปู่ทิม จะร่วมกันทอดกฐินสามัคคี ณ วัดหนองประชุม ในวันอาทิตย์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
การสร้างกุศลในครั้งนี้ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อนำปัจจัยไปดำเนินการก่อสร้างมหาเจดีย์ภาวนาภิรัตให้แล้วเสร็จ และใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก รวมถึงก่อสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมเพื่อเป็นอาคารเรียนของพระภิกษุสามเณร ณ วัดละหารไร่ โดยให้ชื่อวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่า “รุ่นยอดฉัตร” และทั้งนี้ ในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็น วันเศรษฐีมหาเศรษฐี ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ เวลา ๙.๕๙ น. ได้มีการหล่อ ยอดฉัตร ตลอดจน พระกริ่งชินบัญชรองค์ใหญ่, และ มหาเศรษฐีนวโกฏิ ขึ้น ณ วัดละหารไร่
ทันทีที่รู้ข่าวจาก อิทธิญาโน ดอทคอมว่า คุณชินพร สุขสถิตย์ จะสร้างพระชัยประจำตระกูล ลุงแมง หรือ สิงหราช อัมฤทธิ์ ผู้ที่หลวงปู่ทิมสั่งให้ทำพระขุนแผนเป็นคนแรก ก็รีบโทรหาชินพร สุขสถิตย์ ทันทีว่า คอยมานานแล้ว พอรู้ว่าชินพรจะสร้าง พระชัยประจำตัว หรือ พระชัยประจำตระกูล ตามตำราของหลวงปู่ทิม ก็รีบโทรมาจอง เพราะกลัวจะไม่ทันเหมือน พระกริ่งชินบัญชร ญสส. และ ชินบัญชร ๗๒ พร้อมทั้งให้ลูกชายคนโตที่อยู่ใกล้วัดละหารไร่ เอาดวงมาให้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเททองหล่อยอดฉัตร พระกริ่งชินบัญชรองค์ใหญ่ และมหาเศรษฐีนวโกฏิ อันเป็นปฐมฤกษ์ในวันเวลาที่ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นวันแข็งที่สุดในหลายสิบปี นอกจากจะเป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีตามตำราการสร้างมหาเศรษฐีนวโกฏิแล้วยังเป็น วันเสือ เดือนสิงห์ และ กระทิงวัน อีกด้วย ผู้ใดได้ บูชาไปใช้แล้วจะรวยไม่รู้จน
ลุงแมง หรือ สิงหราช อัมฤทธิ์ เป็นศิษย์ที่ หลวงปู่ทิมสั่งให้ทำขุนแผนพรายกุมารเป็นคนแรก คงจะเป็นด้วยชื่อที่เป็นมงคลว่า “สิงหราช” นามสกุล “อัมฤทธิ์” พระขุนแผนพรายกุมารหลวงปู่ทิม จึงดังเป็นอมตะ องค์ที่สวยบูชากันไปแล้วถึงองค์ละล้านบาท หลวงปู่ทิมสั่งให้นายสิงหราช เป็นผู้ดำเนินการทำพระขุนแผนแต่เพียงคนเดียว ทั้งผสมผง ตำผง และกดพิมพ์ โดยไม่ให้ใครช่วย ซึ่งก่อนลงมือทำทุกครั้งหลวงปู่ทิมให้ลุงแมงนุ่งขาวห่มขาว และอาราธนารับศีลห้าจากหลวงปู่ทิมทุกครั้ง เมื่อทำเสร็จก็ให้อาบน้ำมนต์ของท่าน
แม่พิมพ์หินมีดโกนที่ นายสาย แก้วสว่าง โยมวัดฯ นำแผ่นกระดานชนวนที่สมัยนั้นใช้หัดเขียนหนังสือมาแกะเป็นแม่พิมพ์ ซึ่งเรียกกันว่า พิมพ์โบราณ หรือ พิมพ์หินมีดโกน นั้น ลุงแมงทำอยู่ ๑๘ วัน แม่พิมพ์ก็ชำรุดใช้การไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่แม่พิมพ์ว่างไม่ได้ใช้กดพิมพ์ด้วยลุงแมงต้องมาตำผง หลวงลุงรอด ขรัวตารองจากหลวงปู่ทิมจึงเอาแม่พิมพ์ไปกดสร้าง พระขุนแผนกระยาสารท จนแม่พิมพ์เกิดชำรุดใช้การไม่ได้ โดยเรียกพิมพ์ที่ลุงแมงกดขึ้นนี้ว่า “ขุนแผนลองพิมพ์” แต่เมื่อปลุกเสกสำเร็จแล้วหลวงปู่ทิมกลับสั่งให้ยุบเสีย โดยท่านกล่าวว่า “แรงเกินพระ” เพราะใช้ผงพรายกุมารมากไป ผู้ที่ได้ยินประโยคนี้จึงแบ่งกันเก็บไว้ ส่วนที่ยุบทิ้งก็เป็นพระที่บิดเบี้ยวโก่งงอ
สำหรับ ยอดฉัตร พร้อม บาตรใหญ่ ที่ เททองเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคมนี้ จัดสร้างขึ้นเพื่อยกขึ้นสู่ ยอดพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ( ทิม อิสริโก ) ในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ เพื่อระลึกถึงพระคุณหลวงปู่ทิมในวันคล้ายวันมรณภาพ ส่วนบาตรใหญ่ก็จะประดิษฐานไว้ที่วัดละหารไร่เพื่อให้เงินทองไหลมาเทมาเข้าวัดตามฤกษ์มหาเศรษฐีของวันที่เททองนั้น
ส่วน พระชัยประจำตระกูล ก็คือ พระกริ่งชินบัญชร ที่ขยายพิมพ์ให้ใหญ่ขึ้น โดยองค์ใหญ่สุดมีขนาดหน้าตัก ๓๖ นิ้ว ถัดมาเป็นหน้าตัก ๓ นิ้ว แต่ก็ยังใหญ่กว่าพระกริ่งชินบัญชรที่ใช้ห้อยติดตัว พระกริ่งขนาดขยายใหญ่ทุกองค์ใช้สัดส่วน และเค้าหน้าของพระกริ่งชินบัญชรทุกอย่าง สำหรับพระกริ่งชินบัญชรขนาดบูชาเล็กที่สุดคือขนาดหน้าตัก ๓ นิ้ว เรียกชื่อเดิมตามแบบโบราณก็ต้องเรียกว่า พระชัย ( วัฒน์ ) ประจำตระกูล มีขนาดเหมาะสำหรับพกพาประจำตัวเวลาออกไปต่อสู้เวลาทำธุรกิจการงาน เหมือนขุนศึกแม่ทัพนายกองและพ่อค้าต่าง ๆ ในสมัยโบราณที่จำเป็นต้องให้ครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือสร้างไว้ใช้ประจำตัวในเวลาออกทัพจับศึก เรียกว่า พระชัยหลังช้าง สำหรับพ่อค้าวาณิชก็ใช้ติดตัวในเวลาเดินทางไปค้าขาย ซึ่งก็คือการต่อสู้อีกด้านหนึ่งเหมือนกับการออกศึกสงครามนั่นเอง
พระชัยฯ ประจำตัว หรือ พระชัยฯ ประจำตระกูล นอกจากจะ บรรจุดวงชะตา ของตัวเองเพื่อให้พระคุ้มครองแล้ว ยังจะห่อหุ้มด้วย ดวงพิชัยสงคราม ดวงรณณรงค์สงคราม และ พระยันต์ต่างๆ อีกด้วย เมื่อเวลาสิ้นบุญก็ตกทอดเป็นพระประจำตระกูล เพื่อให้ ลูก หลาน เหลน ได้เคารพบูชาแทนตัวบรรพบุรุษผู้เป็นเจ้าของ หลายสิบปีจึงจะมีฤกษ์งามยามดีเหมาะที่จะสร้างขึ้นได้สักครั้งเช่นนี้ หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกเฌอ เคยให้คุณชินพร สร้างให้ครั้งหนึ่งเมื่อ ๒๕ ปีแล้ว ทำให้โบสถ์ที่ท่านสร้างค้างอยู่จนสำเร็จท่านให้สร้างพร้อม พระกริ่งปรโม อันลือลั่นของท่าน
พระชัยฯประจำตระกูล
สมัยโบราณ ขุนศึก แม่ทัพนายกอง พ่อค้าประชาชนที่มีฐานได้มีการสร้างพระพุทธรูปขนาดเล็กที่สามารถพกพานำติดตัวไปได้ทั้งในระหว่างออกศึกทำสงครามตลอดจนไปทำมาค้าขายยังต่างแดนหรือบูชาไว้ในบ้านเรือน แม่ทัพนายกอง พ่อค้าวานิช เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนบางคนได้เป็นถึงพระมหากษัตริย์ก็มี เรียกพระพุทธลักษณะนี้ต่อมาภายหลังว่า “พระชัยหลังช้าง”
พระชัยประจำตระกูลหรือพระชัยหลังช้างที่เททองเป็นปฐมฤกษ์ในวันมหาเศรษฐี พฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ ปีขาล นั้น ถอดรูปแบบมาจากพระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมสร้างขึ้นเมื่อวันฉัตรมงคล ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ เป็นพระกริ่งที่ยังความเจริญรุ่งเรื่องให้แก่วัดละหารไร่ และผู้ที่นำไปใช้เคารพบูชาจนเป็นที่เลื่องลือในพุทธานุภาพที่หลวงปู่ทิมอธิฐานจิตบรรจุไว้ แม้เวลาผ่านไปเพียง ๓๖ ปี แต่พระกริ่งชินบัญชรก็มีการเช่าหาบูชากันในราคาแพงแสนแพงเป็นเงินแสนเงินล้านไปแล้ว คุณชินพร สุขสถิตย์ ผู้ที่หลวงปู่ทิมให้คุณประชา ตรีพาสัย ไปตามตัวมาสร้างถึง ๓ครั้ง๓หน เป็นผู้สร้าง ขณะนั้นท่านมีอายุ ๙๕พรรษา และระยะเวลาเพียง ๓๖ปี เท่านั้นพระกริ่งชินบัญชรก็ได้เปล่งอานุภาพให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์เมื่อมีวันเวลาดีที่นานๆจะมีขึ้นสักครั้ง จึงควรที่จะสร้างพระพุทธรูปขนาดเล็ก ขึ้นเพื่อให้ผู้เคารพนับถือไว้ใช้ติดตัวประจำตัวประจำกาย เพื่อที่จะได้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานทั้งตนเองและ ครอบครัว จึงนำพระกริ่งชินบัญชรมาขยายให้ใหญ่ขึ้นมีขนาด 3 นิ้ว เรียกว่า “พระชัยประจำตระกูล” นอกจากจะใช้บูชาประจำตัวแล้วเมื่อตกถึงชั้นลูกหลานก็จะได้นำมาบูชากราบไหว้เป็นพระประจำตระกูลไปด้วยเลย
พระชัยประจำตระกูลนี้จะต้องนำดวงชะตาที่โหรคำนวณให้แล้วบรรจุลงไปในองค์พระพร้อมยันต์พิชัยสงคราม(ยันต์ป้องกัน), พระยันต์รณณรงค์สงคราม(ยันต์ต่อสู้), ยันต์มหาปราบ ยันต์สารพัดกัน ยันต์กากะท้อน ตลอดจนยันต์มหาเศรษฐี ยันต์จตุโรบังเกิดทรัพย์ นะกินไม่รู้จบและยันต์กระท่อมเศรษฐี ดวงชะตาหรือดวงของแต่ละคน โหราจารย์กำหนดเป็นตัวเลข ตัวเลขนี้นอกจากจะมีอิทธิพลแล้วยังสัมพันธ์กับดวงดาวต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่เกิด จนตาย ชะตาชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกันมีทั้งเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย,ตกต่ำและติดขัด ทำธุระกิจใด ๆ ไม่ราบรื่น ไม่ประสบความสำเร็จก็ด้วยอิทธิพลจากตัวเลข การนำดวงชะตามาบรรจุในพระชัยประจำตระกูล ก็อาจจะช่วยได้ โดยปรับเปลี่ยน ตัวเลขให้เป็นคุณแก่ตัวเองตามตำราโบราณที่มีการศึกษาค้นคว้าไว้ ดุจวลีที่ท่านกล่าวไว้ว่า “น้ำขึ้นขึ้นตามน้ำ น้ำลงไม่ลงตามน้ำ”
ในวันเททองเป็นปฐมฤกษ์ในการสร้างยอดฉัตรพระพุทธชินบัญชร รวมทั้งพระชัยประจำตระกูลและพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๙.๕๙ น. นอกจากจะเป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีตามตำรับการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งตามตำราระบุว่า เมื่อบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิแล้วจะไม่รู้ยากรู้จน วันนี้ยังเป็น วันแข็งที่สุด อีกด้วยในหลายสิบปี มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก และวัดละหารไร่ ถือเป็นวันฤกษ์ดีสร้างพระรุ่น “ยอดฉัตร” ขึ้นเพื่อนำรายได้ไปสร้าง โรงเรียนพระปริยติธรรม
พระรุ่นนี้ประกอบด้วย พระขุนแผนพรายกุมาร พระปรกใบมะขาม ( องค์จ้อย ), สมเด็จพิมพ์กริ่งชินบัญชร ( ซึ่งศิษย์นายตำรวจผู้มีศรัทธาสร้างถวายมูลนิธิฯ ) และสุดยอดพระเนื้อผงอีกชนิดหนึ่งที่ได้ดำริสร้างคือ ยอดขอ และ ยอดเรียก คือ พระผงยาจินดามณี ที่มีรูปยอดเรียก ซึ่งนอกจากจะบรรจุ พระคาถามนต์จินดา ของหลวงปู่ทิมแล้ว ยังผสมด้วย ผงจินดามณี ของสำนักต่างๆ ที่สร้างไว้ และคุณชินพรไปเก็บรวมๆ ไว้มาผสมผงไปด้วย และไม่ลืมที่นำผงจินดามณีอันสุดแสนพิสดารที่ หลวงปู่แก้ว เกสาโร ศิษย์เอกหลวงปู่ทิมให้ไว้มาผสมลงไป คือ ผงจากดวงใจ ผี ๗ ป่าช้า เป็นผงจินดามณีที่สุดพิสดารที่หาง่ายแต่ทำยาก และมีน้อยคนที่จะทำได้สำเร็จ แต่หลวงปู่แก้ว เกสาโร ก็ทำได้สำเร็จใช้ได้ผลไม่แพ้ของหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์ เพราะหลวงปู่แก้วคือ โจรย่ามแดง เสือปล้นที่มี ตบะเดชะ ถือ สัจจะ แทน ศีล มาก่อน พระผงยาจินดามณีจึงเป็นสุดยอดของเครื่องรางอีกชนิดหนึ่ง
· ยอดเรียก คือ แม่นางพันธุรัตน์ ตามจินตนาการของยอดกวีเอกของโลก “สุนทรภู่” ที่หลวงปู่ทิมสำเร็จ มนต์จินดามณี ขนาดลงไปในแม่น้ำบ้านค่าย เรียก ปลามาว่ายอยู่รอบๆ ตัว โดยผู้เล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีชีวิตอยู่หลายท่าน
· ยอดขอ คือ ชูชก สุดยอดแห่งขอทาน ซึ่ง ขอ ได้แม้แต่ผู้ที่เป็นดั่งดวงใจของพระพุทธเจ้า คือขอ กัญหา และ ชาลี ในชาติที่เป็น พระเวสสันดร มาเป็นคนใช้
หลวงปู่ทิมท่านสำเร็จมนต์ ยอดขอ และ ยอดเรียก มานานแล้วตามที่ลูกศิษย์รุ่นเก่าๆ เคยเห็นมา แต่หลวงปู่ทิมท่านทำเครื่องรางไว้น้อยมากจนต้องหากันในราคาแสนแพง ในวาระอันเป็นวันสำคัญปีนี้ มูลนิธิหลวงปู่ทิม โดย ศิษย์เอกด้านฆราวาส ที่ได้รับสุดยอดวิชาสำคัญของหลวงปู่ทิมจะได้สร้างขึ้นอีกครั้ง เพื่อหาเงินสมทบทุนมูลนิธิหลวงปู่ทิมซึ่งมีภาระในการบำเพ็ญ กุศล สาธารณกุศล อยู่มากมาย และสมทบทุนสร้าง โรงเรียนพระปริยติธรรม ให้วัดละหารไร่ ซึ่งวิชาที่หลวงปู่ทิมสอนไว้นั้นใช้ได้ผลจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้วจาก ตะกรุดไม่ละลายในพิธีเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร ญสส. เมื่อวันฉัตรมงคล ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ อีกทั้งการภาวนา มนต์มหาจินดามณี จนนกแสนสวยบินลงมาเกาะที่บ่า รวมถึง วิชาน้ำมนต์ดอกบัวบาน ที่หลวงปู่ทิมประสิทธิ์ให้ก็ได้ช่วยตำรวจ ๑๙๑ ให้พ้นจากการถูกปลดในสมัยเรื่องส่วยกำลังดัง