พรายเดี่ยว ในชุดชินบัญชรโลกนาถ

 
1
2
 3
พระ พรายเดี่ยว                      เนื้อ ผง                             
รายละเอียด : ชุดชินบัญชรโลกนาถ หนึ่งในตำนาน ยอดขุนพลบ้านค่าย


ในการกอบกู้เอกราชของชาติไทยเมื่อ ๒๕๐ ปีมาแล้ว พระยาวชิรปราการ หรือพระยาตากยอดขุนพลผู้ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าจากเจ้าเมืองตากให้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร ในตำแหน่งพระยาวชิรปราการ ยังไม่ทันได้ดำรงตำแหน่งก็มีหมายเรียกให้เข้ามาป้องกันพระนครศรีอยุธยาที่ถูกพม่าข้าศึกมาล้อมไว้ เพราะท่านเป็นแม่ทัพที่เข้มแข็ง หลังจากที่เข้ามาเป็นแม่ทัพป้องกันพระนครก็เกิดการท้อใจ เพราะการป้องกันพระนครอ่อนแอเชื่อแน่ว่ากรุงศรีอยุธยาต้องถูกพม่าตีแตกแน่ จึงนำทหารในบังคับบัญชาห้าร้อยคนตีฝ่าทหารพม่าออกมา มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ยึดเมืองระยองไว้เป็นฐานที่มั่น จากคำเล่าลือที่เล่าขานกันเป็นตำนานพระองค์นำทหารและครอบครัวมาตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำบ้านค่าย ตรงข้ามวัดละหารใหญ่ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ในบริเวณที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “บ้านหนองบัว” บริเวณนี้เป็นทุ่งกว้าง มีแม่น้ำบ้านค่ายไหลผ่าน ท่านตั้งทัพใกล้ๆกับหล่มน้ำเย็น หรือ วังสามพญา ซึ่งเป็นวังน้ำที่ประหลาดอยู่ ในแม่น้ำบ้านค่าย แม่น้ำในบริเวณนั้นเป็นหล่มน้ำลึก และน้ำนั้นเย็นผิดปกติ นอกจากคำบอกเล่าจนเป็นตำนานว่า เจ้าตากได้เอาช้างศึก ม้าศึกมาอาบน้ำก่อนยกทัพเข้าตีเมืองจันทบูรณ์ ทั้งได้สร้างพระยอดธงพระเจ้าตาก ไว้ที่วัดละหารใหญ่ ก่อนที่หลวงปู่ทิมจะชี้ที่ให้สร้างศาลาภาวนาภิรัต ท่านก็ให้ขุดจอมปลวกขนาดใหญ่ออก ก็พบกระดูกหัวกะโหลกคนโบราณ บรรจุอยู่ในกาน้ำบ้าง บรรจุอยู่ในหม้อดินบ้าง กว่าร้อยหัว และใต้กองกระดูกพบโหลหกจีบ บรรจุน้ำมันตกตะกอนจนใสขาว ท่านแสดงอาการดีใจ และให้ไปตัดยอดตองมาทำเป็นกรวยปลายแหลมห่อไว้ พร้อมทั้งลงอักขระเลขยันต์กำกับ ท่านเอ่ยปากเรียกว่า “น้ำมันพระเจ้าตาก” จนเป็นตำนานเล่าลือเกี่ยวข้องกับการสร้างพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ของท่าน โดยเฉพาะพระขุนแผนพรายกุมาร หรือยอดขุนพลบ้านค่ายของท่าน

ทุกครั้งที่ทางราชการมีหมายให้แต่ละจังหวัดตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำมาทำพิธีพุทธาเทวาภิเษกให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดระยองได้มาทำพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หล่มน้ำเย็น หรือวังสามพญาทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งจังหวัดระยองได้ทำหนังสือเป็นที่ระลึกแจกในวันตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ที่วัดละหารไร่ ที่ยังมีชีวิตอยู่บอกเล่าให้ฟังว่า เคยเห็นหลวงปู่ทิมลงไปทำตะกรุดขึ้นมาและจีวรไม่เปียกน้ำ และในขณะนี้ วัดละหารไร่กำลังจะปรับปรุงวังสามพญาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ของจังหวัดระยอง ประมาณว่าต้องใช้งบประมาณประมาณ ๓ ล้านบาท มูลนิธิหลวงปู่ทิมซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ศิษย์หลวงปู่ทิมได้ร่วมได้ก่อตั้งขึ้น เพื่อทะนุบำรุงวัดละหารไร่และประกอบสาธารณะกุศลได้สร้างยอดขุนพลบ้านค่าย และพรายอีส้ม ขึ้นประดิษฐานไว้ ณ วัดละหารไร่ใกล้ๆ กับวังสามพญา โดย จะอัญเชิญขุนแผนและพรายอีส้มเข้าซุ้มขุนแผนในวันพุธที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องชาวจีนพอดี

ในงานขึ้นปีใหม่จีนปีนี้ มูลนิธิหลวงปู่ทิมอิสริโก และวัดละหารไร่ จะประกอบพิธีมงคลขึ้นหลายอย่าง วางศิลาฤกษ์หอระฆัง เททองหล่อระฆังพร้อมทั้งปลุกเสกยอดขุนพลบ้านค่าย และพรายอีส้มในเย็นวันเดียวกัน รุ่งขึ้นจะฉลองสมโภช โดยคณะสิงโตศิษย์หลวงปู่ทิม พร้อมทั้งรำไทยแก้บนพรายอีส้มซึ่งแสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้เห็นตั้งแต่ยังไม่ได้หล่อเป็นองค์ แต่ก็สร้างนิมิตให้เป็นรูปร่างหน้าตาจนปฎิมากรปั้นรูปได้อย่างถูกต้อง จนประทับใจผู้พบเห็น ซ้ำยังให้โชคลาภแก่ผู้ปั้น ขณะเพียงเตรียมงานขึ้นหุ่นเท่านั้น

งานสืบสานตำนานยอดขุนพลบ้านค่ายและพรายอีส้ม เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่ ๓๕ ที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมและวัดละหารไร่ทำบุญถวายกุศลแก่หลวงปู่ทิมทุกปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ที่ผ่านมานอกจากจะมีพิธียกยอดฉัตรขึ้นสู่ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัตแล้ว ยังมีการหล่อรูปขุนแผนพรายกุมาร และเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถขึ้นไปพร้อมกันด้วย โดยมีพระครูสังฆกิจบูรพา หรือหลวงปู่บัว ยอดเกจิอาจารย์เมืองตราด ผู้กำลังโด่งดังในขณะนี้เป็นผู้เททอง พร้อมทั้งยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีความมหัศจรรย์เกิดขึ้น ควันไฟจากเตาสุมทองลอยขึ้นไปบนอากาศรวมตัวกับยอดไม้ถ่ายภาพออกมาเห็นเป็นรูปพระเข้าตากนั่งบัลลังก์ อิริยาบทเดี่ยวกับรูปเหมือนพระเจ้าตากที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมสร้างขึ้นไว้แล้วประดิษฐานไว้ในวิหาร เมื่อนำภาพนี้ออกเผยแพร่ เพียงไม่กี่สื่อ พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ ก็จองกันเกือบหมด จะเหลือก็แต่พระชัยวัฒน์ที่เททองหล่อเมื่อได้ฤกษ์ยกยอดฉัตรและเททองหล่อพระกริ่งเท่านั้น

พรายคู่พรายเดี่ยว

ก่อนที่หลวงปู่ทิมจะสร้างขุนแผนพรายกุมารอย่างเป็นทางการ คือ สร้างเพื่อออกให้บูชามีจำนวนมาก ท่านได้สร้างพระผงพรายกุมาร “พรายเดี่ยว” และ “พรายคู่” ขึ้นมาก่อน เพื่อให้เป็นตำนานสืบสารการย้อนยุค ครั้งนี้จึงได้สร้างพรายเดียวและพรายคู่ขึ้นมาด้วย ก่อนดำเนินการกดแม่พิมพ์เป็นองค์พระเครื่อง พรายเดียว พรายคู่ และพรายเดี่ยว คุณวาริน ชมพูศรี บ้านอยู่วังกะพี อุตรดิตถ์ได้ส่งเหล็กน้ำพี้จากบ่อพระแสงมาให้ถึง ๔ กก. ทั้งยังบดละเอียดมาให้ด้วย นอกจากนี้ อ.วันชัย สุพรรณ โฆษกระดับชาติ ยังมอบผงไม้ตะเคียนทองอายุกว่า ๒๐๐ ปีให้อีก จึงนำมาผสมในเนื้อพระพรายเดี่ยวและพรายคู่ เป็นการเพิ่มพลังของผงและโลหะพิเศษที่บรรพบุรุษใช้สร้างหอก ดาบ ปกป้องคุ้มครองประเทศชาติมาแล้ว


รายละเอียดเพิ่มที่นี่ ข่าวพระเครื่อง