พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ หนึ่งในตำนาน ยอดขุนพลบ้านค่าย

กุมารดูดทรัพย์    หนึ่งในตำนาน ยอดขุนพลบ้านค่าย       
เขียนโดย Administrator
Wednesday, 26 January 2011

ในการกอบกู้เอกราชของชาติไทยเมื่อ ๒๕๐ ปีมาแล้ว พระยาวชิรปราการ หรือพระยาตากยอดขุนพลผู้ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าจากเจ้าเมืองตากให้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร ในตำแหน่งพระยาวชิรปราการ ยังไม่ทันได้ดำรงตำแหน่งก็มีหมายเรียกให้เข้ามาป้องกันพระนครศรีอยุธยาที่ถูกพม่าข้าศึกมาล้อมไว้ เพราะท่านเป็นแม่ทัพที่เข้มแข็ง หลังจากที่เข้ามาเป็นแม่ทัพป้องกันพระนครก็เกิดการท้อใจ เพราะการป้องกันพระนครอ่อนแอเชื่อแน่ว่ากรุงศรีอยุธยาต้องถูกพม่าตีแตกแน่ จึงนำทหารในบังคับบัญชาห้าร้อยคนตีฝ่าทหารพม่าออกมา มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ยึดเมืองระยองไว้เป็นฐานที่มั่น จากคำเล่าลือที่เล่าขานกันเป็นตำนานพระองค์นำทหารและครอบครัวมาตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำบ้านค่าย ตรงข้ามวัดละหารใหญ่ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ในบริเวณที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “บ้านหนองบัว” บริเวณนี้เป็นทุ่งกว้าง มีแม่น้ำบ้านค่ายไหลผ่าน ท่านตั้งทัพใกล้ๆกับหล่มน้ำเย็น หรือ วังสามพญา ซึ่งเป็นวังน้ำที่ประหลาดอยู่ ในแม่น้ำบ้านค่าย แม่น้ำในบริเวณนั้นเป็นหล่มน้ำลึก และน้ำนั้นเย็นผิดปกติ นอกจากคำบอกเล่าจนเป็นตำนานว่า เจ้าตากได้เอาช้างศึก ม้าศึกมาอาบน้ำก่อนยกทัพเข้าตีเมืองจันทบูรณ์ ทั้งได้สร้างพระยอดธงพระเจ้าตาก ไว้ที่วัดละหารใหญ่ ก่อนที่หลวงปู่ทิมจะชี้ที่ให้สร้างศาลาภาวนาภิรัต ท่านก็ให้ขุดจอมปลวกขนาดใหญ่ออก ก็พบกระดูกหัวกะโหลกคนโบราณ บรรจุอยู่ในกาน้ำบ้าง บรรจุอยู่ในหม้อดินบ้าง กว่าร้อยหัว และใต้กองกระดูกพบโหลหกจีบ บรรจุน้ำมันตกตะกอนจนใสขาว ท่านแสดงอาการดีใจ และให้ไปตัดยอดตองมาทำเป็นกรวยปลายแหลมห่อไว้ พร้อมทั้งลงอักขระเลขยันต์กำกับ ท่านเอ่ยปากเรียกว่า “น้ำมันพระเจ้าตาก” จนเป็นตำนานเล่าลือเกี่ยวข้องกับการสร้างพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ของท่าน โดยเฉพาะพระขุนแผนพรายกุมาร หรือยอดขุนพลบ้านค่ายของท่าน

ทุกครั้งที่ทางราชการมีหมายให้แต่ละจังหวัดตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำมาทำพิธีพุทธาเทวาภิเษกให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดระยองได้มาทำพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หล่มน้ำเย็น หรือวังสามพญาทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งจังหวัดระยองได้ทำหนังสือเป็นที่ระลึกแจกในวันตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ที่วัดละหารไร่ ที่ยังมีชีวิตอยู่บอกเล่าให้ฟังว่า เคยเห็นหลวงปู่ทิมลงไปทำตะกรุดขึ้นมาและจีวรไม่เปียกน้ำ และในขณะนี้ วัดละหารไร่กำลังจะปรับปรุงวังสามพญาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ของจังหวัดระยอง ประมาณว่าต้องใช้งบประมาณประมาณ ๓ ล้านบาท มูลนิธิหลวงปู่ทิมซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ศิษย์หลวงปู่ทิมได้ร่วมได้ก่อตั้งขึ้น เพื่อทะนุบำรุงวัดละหารไร่และประกอบสาธารณะกุศลได้สร้างยอดขุนพลบ้านค่าย และพรายอีส้ม ขึ้นประดิษฐานไว้ ณ วัดละหารไร่ใกล้ๆ กับวังสามพญา โดย จะอัญเชิญขุนแผนและพรายอีส้มเข้าซุ้มขุนแผนในวันพุธที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องชาวจีนพอดี



พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ เนื้อนวโลหะก้นทองคำ (น.น.ทอง 2.2 กรัม)   ด้านหลัง ใต้ฐาน



พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ เนื้อนวโลหะก้นเงิน    ด้านหลัง    ใต้ฐาน



พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถเนื้อนวโลหะก้นอุดผง         ด้านหลัง                  ใต้ฐาน




พระชัยวัฒน์ชินบัญชรโลกนาถเนื้อนวโลหะ          ด้านหลัง          ใต้ฐานก้นอุดผงพรายกรุมาร


เหรียญชินบัญชรโลกนาถเนื้อทองคำ                ด้านหลัง

เหรียญชินบัญชรโลกนาถเนื้อทองแดง               ด้านหลัง




                                                   พรายคู่                              ด้านหลัง




                                                พรายเดี่ยว                            ด้านหลัง



                                                                  ปลัดพญามังกร



                        กุมารดูดทรัพย์ขนาดใหญ่


กุมารดูดทรัพย์ขนาดกลาง


กุมารดูดทรัพย์ขนาดเล็ก




กุมารดูดทรัพย์ขนาดพกติดตัวทั้งสามขนาด

กุมารดูดทรัพย์พร้อมสีผึ้งบรรจุในตลับไม้มงคล



ในงานขึ้นปีใหม่จีนปีนี้ มูลนิธิหลวงปู่ทิมอิสริโก และวัดละหารไร่ จะประกอบพิธีมงคลขึ้นหลายอย่าง วางศิลาฤกษ์หอระฆัง เททองหล่อระฆังพร้อมทั้งปลุกเสกยอดขุนพลบ้านค่าย และพรายอีส้มในเย็นวันเดียวกัน รุ่งขึ้นจะฉลองสมโภช โดยคณะสิงโตศิษย์หลวงปู่ทิม พร้อมทั้งรำไทยแก้บนพรายอีส้มซึ่งแสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้เห็นตั้งแต่ยังไม่ได้หล่อเป็นองค์ แต่ก็สร้างนิมิตให้เป็นรูปร่างหน้าตาจนปฎิมากรปั้นรูปได้อย่างถูกต้อง จนประทับใจผู้พบเห็น ซ้ำยังให้โชคลาภแก่ผู้ปั้น ขณะเพียงเตรียมงานขึ้นหุ่นเท่านั้น

งานสืบสานตำนานยอดขุนพลบ้านค่ายและพรายอีส้ม เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่ ๓๕ ที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมและวัดละหารไร่ทำบุญถวายกุศลแก่หลวงปู่ทิมทุกปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ที่ผ่านมานอกจากจะมีพิธียกยอดฉัตรขึ้นสู่ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัตแล้ว ยังมีการหล่อรูปขุนแผนพรายกุมาร และเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถขึ้นไปพร้อมกันด้วย โดยมีพระครูสังฆกิจ บูรพา หรือหลวงปู่บัว ยอดเกจิอาจารย์เมืองตราด ผู้กำลังโด่งดังในขณะนี้เป็นผู้เททอง พร้อมทั้งยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีความมหัศจรรย์เกิดขึ้น ควันไฟจากเตาสุมทองลอยขึ้นไปบนอากาศรวมตัวกับยอดไม้ถ่ายภาพออกมาเห็นเป็นรูปพระเข้าตากนั่งบัลลังก์ อิริยาบทเดี่ยวกับรูปเหมือนพระเจ้าตากที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมสร้างขึ้นไว้แล้วประดิษฐานไว้ในวิหาร เมื่อนำภาพนี้ออกเผยแพร่ เพียงไม่กี่สื่อ พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ ก็จองกันเกือบหมด จะเหลือก็แต่พระชัยวัฒน์ที่เททองหล่อเมื่อได้ฤกษ์ยกยอดฉัตรและเททองหล่อพระกริ่งเท่านั้น




                 รูปหล่อขุนแผน            รูปหล่อพรายอีส้ม

ด้วยภารกิจที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมและวัดละหารไร่กำลังดำเนินการอยู่มีการ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม งบประมาณ ๑๕ ล้านบาท ปรับปรุงวังสามพญาประมาณ ๓ - ๕ ล้านบาท ช่วยเด็กกำพร้ากว่า ๗๐๐ ชีวิต ที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ จ.อ่างทอง และกิจกรรมต่างๆของมูลนิธิหลวงปู่ทิมซึ่งมีให้ทุนการศึกษา มีหน่วยเคลื่อนที่กู้ภัยในจังหวัดระยอง จึงจำเป็นต้องมีการสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินมาใช้ในกิจการในครั้งนี้ พระเครื่องชุดหนึ่งในตำนานขุนพลบ้านค่ายจึงต้องเกิดขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวประกอบด้วย



๑. พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ

ถ้าจะเรียกชื่อว่าสามยอดตะวันออกก็คงจะไม่ผิด พระกริ่งรุ่นนี้ถอดพิมพ์จากพระกริ่งเทพโมลี ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชแพ ทรงสร้างไว้เป็นครั้งแรกเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีพ.ศ. ๒๔๔๑ จำนวนน้อยที่สุด ทรงสร้างเพียง ๙ องค์ เป็นที่เสาะแสวงหากัน ของผู้นิยมพระกริ่ง ประสกแพรสีทองและชินพร สุขสถิตย์เห็นพ้องต้องกันว่า ถ้านำเอาแบบพระกริ่งเทพโมลีมาถอดพิมพ์เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์อยากจะได้ มีไว้ไช้และได้ พระกริ่งชุดนี้มาครอบครองแทน ทั้งสองท่านจึงรวบรวมเอาชนวนของพระกริ่งตระกูลชินบัญชรและชนวนพระกริ่งโลกนาถมาสร้างขึ้นและอัญเชิญ หลวงปู่บัว วัดเกาะตะเคียน จ.ตราด ซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นองค์เทองพร้อมกับพิธีอัญเชิญยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต และในขณะเททองหล่อพระกริ่งก็เกิดมหัศจรรย์ขึ้น ควันจากเตาหลมทองเกาะจับกับต้นไม้เป็นภาพพระเจ้าตากสินมหาราชนั่งตระหง่านอยู่เหนือวัดละหารไร่ และถ้าพิจารณาภาพให้ละเอียดจะเห็นภาพสี่ทหารเสือที่อยู่ในธนบัตรรุ่นเก่าใบละ ๒๐ บาทอีกด้วย หลายรายที่เห็นภาพนี้ต่างยอมรับเป็นภาพที่เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ร้อยวัดพันวัดที่สร้างพระเครื่องรูปหล่อพระเจ้าตากก็ไม่เคยมีวัดใดมีภาพอย่างนี้ให้เห็น และก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ มีผู้จับจองกันหมด

๒. เหรียญชินบัญชรโลกนาถ

เหรียญที่สร้างเป็นที่ระลึกถึงการกำเนิดของพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ หรือสามยอดตะวันออก ด้านหน้าเป็นรูปพระกริ่งและกอบัว สื่อถึงพระพุทธะ ผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้านหลังเป็นยันต์ครูตำรับหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรีอันลือเลือง โดยปรับแต่งให้สมบูรณ์ขึ้น เนื้อทองแดงผสมชนวน รมมันปูจำนวน ๙,๙๒๒ เหรียญ, เหรียญทองคำจำนวน ๒๒ เหรียญ ... โดยเหรียญชินบัญชรโลกนาถทุกเนื้อ จะนำไปขอบารมีจากหลวงปู่ผาด อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวด้วยเป็นพิเศษ ก่อนนำเข้าพิธีปิดท้ายที่วัดละหารไร่ ๓ - ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นี้

๓. พรายคู่พรายเดี่ยว

ก่อนที่หลวงปู่ทิมจะสร้างขุนแผนพรายกุมารอย่างเป็นทางการ คือ สร้างเพื่อออกให้บูชามีจำนวนมาก ท่านได้สร้างพระผงพรายกุมาร “พรายเดี่ยว” และ “พรายคู่” ขึ้นมาก่อน เพื่อให้เป็นตำนานสืบสารการย้อนยุค ครั้งนี้จึงได้สร้างพรายเดียวและพรายคู่ขึ้นมาด้วย ก่อนดำเนินการกดแม่พิมพ์เป็นองค์พระเครื่อง พรายเดียว พรายคู่ และพรายเดี่ยว คุณวาริน ชมพูศรี บ้านอยู่วังกะพี อุตรดิตถ์ได้ส่งเหล็กน้ำพี้จากบ่อพระแสงมาให้ถึง ๔ กก. ทั้งยังบดละเอียดมาให้ด้วย นอกจากนี้ อ.วันชัย สุพรรณ โฆษกระดับชาติ ยังมอบผงไม้ตะเคียนทองอายุกว่า ๒๐๐ ปีให้อีก จึงนำมาผสมในเนื้อพระพรายเดี่ยวและพรายคู่ เป็นการเพิ่มพลังของผงและโลหะพิเศษที่บรรพบุรุษใช้สร้างหอก ดาบ ปกป้องคุ้มครองประเทศชาติมาแล้ว

๔. ผงรูปเหมือนขุนแผนเฝ้าเมือง

สร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ในพิธียอดฉัตร เพื่อถวายวัดหนอง ประชุม วัดบ้านเกิดพ่อเฒ่ายิ้ม ปรมาจารย์อีกองค์หนึ่งของหลวงปู่ทิม สร้างขึ้นพร้อมกับรูปหล่อขุนแผนองค์ใหญ่องค์แรกที่นำไปถวายและอัญเชิญประดิษฐานขึ้นแท่นในวันที่นำกฐินสามัคคีไปทอดที่วัดหนองประชุม จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ นอกจากถวายขุนแผนองค์ใหญ่ มูลค่า ๔.๕ แสนบาทแล้ว ยังได้เป็นเงินสดขององค์กฐินอีก ๑ ล้าน ๖ แสนกว่าบาท อีกด้วย จึงได้นำพระผงรูปเหมือนขุนแผนเฝ้าเมืองมาแจกผู้มาร่วมพิธีในงาน กวนสีผึ้ง หุงน้ำมันพรายและย่างกุมารในวันปีใหม่จีน ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นี้ด้วย

พระผงขุนแผนเฝ้าเมืองพิมพ์นี้ปลุกเสกพร้อมพระขุนแผนผงพรายกุมาร พิมพ์ใหญ่และพิมพ์ โดยเฉพาะพิมพ์เล็ก อ.วันชัย สุพรรณ เซียนพระชื่อดังนำไปแจกงานสวดอภิธรรมศพหลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว เมื่อคืนวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่อ.วันชัย สุพรรณเป็นเจ้าภาพ นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง เอาไปลองยิงโดยวางพิงไข่ไก่ ปรากฏยิงถึง ๓ แชะ ลูกไม่แตกแม้แต่นัดเดียว หลายคนเห็นจึงมาขอบูชา บอกว่า ขอบูชาขุนแผนรุ่น ๓ แชะ

๕. ปลัดพญามังกร

เมื่อพรรษา ปี ๒๕๕๒ ชินพร สุขสถิตย์ได้สร้างตระกุดร้อยชู้จันทร์เพ็ญหรือตระกรุดปฐมกำเนิดโลก ปลุกเสกเดี่ยวด้วยตนเองมาตลอดพรรษาทุกครั้งที่พระจันทร์เริ่มเต็มดวง ทุกวันขึ้น ๑๓ ๑๔ ๑๕ ค่ำและแรม ๑-๒ ค่ำ ได้ออกนำมาปลุกเสกกลางแจ้งอาบแสงจันทร์ตลอดพรรษา และปลุกเสกครั้งสุดท้ายเมื่อ วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ในงานสร้างพระกริ่งปฐวีธาตุ ของเจ้าคุณนรฯ ที่หมอฟอร์ดจัดขึ้นที่วัดเทพศิรินทราวาทเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และได้เชิญอาจารย์ชินพร ไปปลุกเสกและรดน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ ให้ผู้ที่มาร่วมงานในคืนวันนั้น จากนั้นจึงได้แจกตะกรุด ๑๑๕ ดอก แก่ลูกศิษย์จนหมด เมื่อครั้งเททองหลอพระกริ่งชิญบัญชร ญสส. ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ปรากฏว่า ตระกรุดร้อยชูจันทร์เพ็ญหลอมไม่ละลาย เพียงดอกเดียวจากตะกรุดทั้งหมดกว่า ๑๐๐ ดอกในพรรษาปี ๒๕๕๓ ลูกศิษย์ที่รับแจกตะกรุดขอร้องให้ทำอีก คุณชินพร จึงเปลี่ยนไปทำปลัดพญามังกรจำนวน ๒๑๕ ตัวปลุกเสกเดี่ยวตลอดพรรษา และแจกไปเมื่อวันขึ้นปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ที่เหลือให้บูชาตัวละ ๒,๐๐๐ บาท จึงจัดเข้าอยู่ในพระเครื่องและเครื่องรางชุดนี้ด้วย

๖. กุมารดูดทรัพย์ น้ำมันพราย และสีผึ้ง

พรายกุมารหรือกุมารดูดทรัพย์ สร้างตามแบบฉบับของหลวงปู่ทิม ลักษณะเป็นรูปกุมารที่นอนอยู่ในท้องแม่ มีขนาดโตจนใกล้คลอด ปากดูดรกซึ่งเป็นอาหาร ที่แม่กินเข้าไป แล้วส่งมาหล่อเลี้ยงกุมารทางสายรก ซึ่งถือว่ากินไม่รู้จบ เป็นเคล็ดอย่างหนึ่งที่หลวงปู่ทิมท่านให้สร้างกุมารในลักษณะนี้ เพื่อจะให้กุมารได้ช่วยทำมาหากิน หาเงิน หาทอง ให้ผู้เป็นเจ้าของตลอด แบบมีกินไม่รู้จบ กุมารทองดูดทรัพย์สร้างไว้ทั้งหมด ๔ แบบ ขนาด จัมโบ้จำนวน ๒๒ องค์ จะอยู่ในอ้อมแขนของขุนแผน มีให้บูชา ตนละ ๘,๐๐๐ บาท ถัดมาเป็นกุมารขนาดใหญ่ จำนวนเพียง ๕๒๒ ตน ขนาดกลาง และขาดเล็ก สร้างจำนวน ๒,๒๒๒ ตน กุมารทุกตนจะย่างในน้ำมันพรายอีส้ม ในเย็นวันพฤหัสบดีที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ้งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องไทยเชื่อสายจีนและเถลิงศกใหม่วัดละหารไร่ก็จะประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หอระฆังบริเวณหน้าศาลาวิจิตรธรรมาภิรัต มูลนิธิหลวงปู่ทิมก็จะประกอบพิธีพุทธาภิเษกและสมโภช พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกันนั้นจะประกอบพิธีอัญเชิญขุนแผนยอดขุนพลบ้านค่ายและพรายอีสี้ม เข้าสุ้มขุนแผนและจะหุงสีผึ้ง กวนน้ำมันพราย และทำพิธีย่างกุมารไปพร้อมกัน การหุงสีผึ้ง กวนน้ำมันพราย และย่างกุมาร จะทำตามแบบโบราณกันราชวัตตรฉัตรธง ดาดเพดานด้วยผ้าขาวลงพระยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์มหาราช ยันต์แปดทิศ ยันต์ห้ายันต์ครูหลวงปู่ทิม จะตั้งก้อนเสา กวนสีผึ้งและย่างกุมารในน้ำมันพราย มีพระเกจิอาจารย์ศิษย์หลวงปู่ทิม นั่งปรกปลุกเสกสี่ทิศ มีหลวงพ่อสินวัดละหารใหญ่ หลวงพ่อศุข วัดป่าประดู่ จังหวัดระยอง หลวงพ่อสุข วัดหนองฆ้อ ศิษย์ฆารวาส ศิษย์คนสุดท้ายของหลวงปู่ทิมที่ปลุกเสกแล้วตระกรุดไม่ละลายในความร้อน กว่า ๑,๐๐๐ องศา มาประกอบพิธี กวนสีผึ้ง และย่างในน้ำมันพราย โดยเอาอีสีผึ้งพรายอีส้ม ที่หลวงปู่ทิมทำไว้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี ๒๕๑๘ แล้วมอบให้หลวงตารอดเก็บรักษาไว้ ได้มอบให้อาจารย์ชินพรมาส่วนหนึ่ง คล้ายกับจะรู้ล่วงหน้าว่าต้องเอามาทำของสำคัญหาเงินช่วยวัด

๗. น้ำมันกะลา ๙ ตา

เมื่อคืนวันจันทร์ที่ ๑๗ มกราคม ที่ผ่านมา เวลา ๒๑.๐๙ น. เป็นดิถีเทวีฤกษ์ ปีขาล ข้างขึ้น มีกำลังแรงเรียกว่า ๕ จันทร์ ๕ เสาร์ ๕ อาทิตย์ เป็นวันถุงเงินตามหลักโหราศาสตร์ถือว่าทำให้กำลังของครูบาอาจารย์พระจันทร์ส่งผลโดยตรงต่อพระราหูนานปีจะมีฤกษ์สักครั้งด้วยประจักรแจ้งต่อฤกษ์อันเป็นมงคลนี้ อาจารย์ชินพร ศิษย์คนสุดท้ายของหลวงปู่ทิม จึงทำพิธีอันเชิญครูบาอาจารย์ ปลุกเสกซึ่งมีพิธีกรรมในการทำค่อนข้างยุ่งยากต้องเตรียมวัตถุมงคลให้พร้อมเพียงต้องนำน้ำมันที่ใช้ประกอบพิธีมาเคี่ยวกับว่านสำคัญหลายชนิด อาทิเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว, ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ว่านมหาปราบ ว่านอุดมโชค ว่านสาลิกา ว่านเพชรกลับ ว่านพญายอ ไม้ชองระอา ฯลฯ แล้ว จึงนำเอาผงกะลา ๙ ตาและกะลาสุริยประภา กะลาจันทรประภา กะลามหาอุจจ์ (อุจจ์ หมายถึง อุจจาวิลาสปกาสิตา แปลว่า อุดมโภคทรัพย์มั่งมี ทวีคูณ) ลงในน้ำมัน จากนั้น อาจารย์ชินพร ทำพิธีปลุกเสกน้ำมันอาบแสงจันทร์ จนเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้นเมฆหมอกที่ปกคลุมพระจันทร์ได้เคลื่อนออกไป จนเห็นพระจันทร์สุขสว่างก็เกิดปรากฎการณ์ พระจันทร์ทรงกลดขึ้นมาในขณะทำพิธีปลุกเสกน้ำมันกะลา ๙ ตา อันเป็นสัญญาลักษ์แสดงให้รู้ว่าที่ยอมรับรู้ของครูบาอาจารย์ เทวดาเบื้องบน ถึงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังในครั้งนี้ อุปเท่ห์ของน้ำมันกะลา ๙ ตาที่ทำขึ้นในครั้งนี้ จะส่งเสริมหนุนนำราศีของผู้นำไปใช้ให้บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานด้านธุรกิจที่มีการแข่งขัน เล่นการพนัน นักเสี่ยงโชค ค้าขาย ผู้ที่ทำงานกลางคืน ผู้ที่ชะตาตก ปีชง เจ้านายไม่เอ็นดู มีปัญหาด้านคู่ครอง ก็จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเพราะถือกันว่า น้ำมันกะลา ๙ ตา เป็นน้ำมันเมตตา มหาเสน่ห์ชั้นสูง ซึ่งจะหาผู้ทำได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ในวาระที่จะกวนสีผึ้งย่างกุมารดูดทรัพย์ใน วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ที่จะมาถึงนี้ อาจารย์ ชินพร จะนำเอาน้ำมันกะลา ๙ ตา ที่สร้างขึ้นไปหุงรวมกับสีผึ้ง และ น้ำมันพรายอีส้มเพื่อให้มีผลต่อผู้นำไปใช้ ไม่ให้เสียชื่อเสียงที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่ทิม



________________________________________
ภาพ 1 ในพิธี

วันอาทิตย์ที่๓๐มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔เป็นวันฤกษ์งามยามดี จึงได้มีโอกาสนำ รุ่นพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ เข้าขอหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด บุรีรัมย์ อธิฐานจิตเพิ่มเติม เสกเดี่ยว