น้ำมันชูชก สาลิกากระดังงาลนไฟ ตะกรุดทองแดง ชุดพระขุนแผนแสนแสบ มูลนิธิหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่




พระ              น้ำมันชูชก สาลิกากระดังงาลนไฟ ตะกรุดทองแดงคู่



รายละเอียด:


สุดยอดมวลสารต่างๆ ที่จะนำมาสร้าง 
"พระขุนแผนพรายกุมาร แสนแสบ"
 สะเทิ้นฟ้า สะท้านดิน

 นอกจากพระขุนแผนแสนแสบ รูปหล่อพิมพ์ยืนหลวงปู่ทิมแล้ว ยังมีการปลุกเสก ชูชกมหาขอทานโลกที่สร้างจากไม้แกะองค์ใหญ่และเนื้อผงกลมองค์เล็กที่เป็นทั้งยอดขอและยอดเรียกคือ นางพันธุรัต ยอดเรียกเจ้าของมนต์มหาจินดามณี ซึ่งหลวงปู่ทิมใช้เป็นยันต์ประจำตัวท่านและจารึกไว้หลังพระขุนแผนทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก จนเป็นที่เลื่องลือจากพระแจกฟรี มีราคาก็๑๐-๒๐ บาท ปัจจุบันองค์หลายหมื่น หลายแสนจนเป็นล้านไปแล้วก็มี หลวงปู่ชมท่านเก่งและเชี่ยวชาญเรื่องมนต์ชูชก มีชูชกอยู่ที่ไหนบูชาไว้ในบ้าน บ้านนั้นจะอุดมด้วยแก้วแหวนเงินทองมีทรัพย์สินไม่ขาดสาย การประกอบพิธีปลุกเสกในครั้งนี้ซึ่งนานทีจะมีสักครั้ง เพราะจะหายอดพระเกจิที่เก่งกล้าจริงๆมาร่วมกันถึง ๒ องค์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และแต่ละองค์ก็ผ่านสัมผัสจากศิษย์เอกหลวงปู่ทิมคนสุดท้ายมาแล้ว จึงมีการหุงน้ำมันยอดเรียกยอดขอขึ้นมาด้วยเรียกน้ำมันชูชก สาลิกากระดังงาลนไฟเจ้าพิธีได้เรียกอาจารย์เจ็ท ศิษย์หนุ่มที่ได้รับการประสิทธิวิชามหาเสน่ห์อย่างสูงมีตบะเดชะแก่กล้า สามารถขนาดขุดศพผีตายทั้งกลมมาประกอบพิธีได้และได้ประจักษ์มาแล้วในงานปลุกเสกขุนแผนเวสิยาฤกษ์ในชุดพระกริ่ง ๙ ฤกษ์ เพื่อหาเงินเริ่มต้นในการสร้างรูปหล่อหลวงปู่ทิมองค์ใหญ่ ขณะหุงน้ำในกระทะจารึกมนต์ชูชก อาจารย์เจ็ทได้ร่ายพระเวทย์ติดต่อกันตลอดเวลา ท่ามกลางการแปลกใจและทึ่งในความสามารถที่จดจำพระคาถามหานิยมมหาเสน่ห์ตลอดจนมนต์ดำมนต์มหาราคะได้อย่างเชี่ยวชาญและแม่นยำ ก่อนลงมือหุงน้ำมันชูชกหลวงปู่ชมได้เรียกอักขระเลขยันต์และหุงเป็นปฐมฤกษ์ 
            ชูชกมหาขอท่านโลกผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ส่งเสริมบารมีให้พระพุทธองค์ได้บำเพ็ญทานบารมีขั้นสูงสุดที่บริจาคเมียและลูกให้เป็นมหาทาน
            ในขณะประกอบพิธีโดยยอดพระเกจิอาจารย์ของ ๒ ประเทศ ปรากฏการณ์แปลกบนท้องฟ้าเหนือประรำพิธีก็เกิดขึ้นเป็นระยะๆ อากาศโดยทั่วไปแม้นจะร้อนอบอาวแดดแรงจัด แต่ก็ไม่ร้อนลมพัดมาเป็นระยะทำให้เย็นสบาย เมฆลอยมาบดบังแสงพระอาทิตย์เป็นระยะๆทำให้บังเกิดความร่มเย็น เนาว์ นรญาณและ พรบูรพาสองท่านได้ติดตามงานพิธีของมูลนิธิหลวงปู่ทิม มาโดยตลอดคลิกภาพที่ถ่ายไว้ได้ออกให้ดู ของคุณเนาว์ เห็นเป็นภาพด้านข้างของหญิงสาวที่มีผมยักเป็นคลื่นๆ ชัดเจนมาก ส่วนของพรบูรพามีภาพดวงแสงสีขาววิ่งไล่กันไปวิ่งไล่กันมาตามขอบเมฆที่เป็นภาพประหลาดๆ ผู้มีญาณสัมผัสกล่าวว่าทั้งแม่นาคและแม่ส้มต่างมาช่วยกันหาเงินช่วยมูลนิธิหลวงปู่ทิมปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในเรื่องพรายกุมาร 

            หลังจากพิธีปลุกเสกแบบกฤตยาคมแฝด ชนิดที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อนของ ๒ พระเกจิอาจารย์ หลายๆคนถามหลวงปู่ทั้ง ๒ องค์ว่าดีทางไหน ท่านบอกพระในพิธีนี้ดีทุกทาง ใช้ได้ทุกอย่าง แล้วแต่จะอธิฐานเอาเถิด มหานิยมที่เกิดจากพลังแห่งความรักครั้งนี้สุดยอดจริงๆ จะหาใครทำได้เสมอเหมือนนั้นยากมาก

พระขุนแผนแสนแสบ สองตำนานความรักอมตะ 
              ของแม่นาคพระโขนงและพรายแม่ส้มอันเป็นปฐมกำเนิด

            พระขุนแผนพรายกุมารอันลือลั่น ในวาระที่มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก มีอายุครบ ๓๗ ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จึงบรรจงสร้าง พระขุนแผนแสนแสบให้เป็นอมตะพระเครื่องขึ้นอีกครั้ง เพื่อหาปัจจัยทำนุบำรุงวัดละหารไร่ เชิดชูเกียรติคุณของหลวงปู่ทิมและบำเพ็ญสาธารณกุศล

กิจการที่ดำเนินการไปแล้ว
ซื้อที่ดินขยายวัดละหารไร่จาก ๑๕ ไร่เป็นกว่า ๘๐ ไร่ ซื้อที่ดินให้โรงเรียนซึ่งไม่มีที่ดินเป็นของโรงเรียนเองให้อีก ๙ ไร่ ๒ งาน มีที่ดินงอกเพิ่มขึ้นอีกกว่า ๒ ไร่ ได้ยกให้วัดละหารไร่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลังจากรูปเหมือนองค์ใหญ่สร้างเสร็จ หาปัจจัยร่วมสร้างถาวรวัตถุให้วัดละหารไร่ มาโดยตลอด
ช่วยการศึกษาโรงเรียนต่างๆ ใน อ.บ้านค่าย จ.ระยองให้ทุนนักเรียนจนจบการศึกษาวิทยาลัยพยาบาล ให้ทุนสามเณรจนสอบได้เปรียญ ๘
ตั้งหน่วยช่วยเหลือประชาชนโดยทั่วไปที่มาบตาพุด จนหัวหน้าหน่วยได้รับเลือกตั้งเป็น สจ. ติดต่อกันมาหลายสมัยจนเป็นถึง รอง ประธาน อบจ. จังหวัดระยอง

ยกย่องเชิดชูเกียรติคุณความดีของหลวงปู่ทิม มาตลอดในวาระ ๓๗ ปี ในการก่อตั้งมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จึงสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร เอกลักษณ์และ อมตะพระเครื่องของหลวงปู่ทิมขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำรายได้ เพิ่มทุนมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก สมทบทุนสร้างรูปเหมือนและสนับสนุนหน่วยช่วยเหลือประชาชนของมูลนิธิ

เกิดจากตำนานรักอันเป็นอมตะของ ๒ สาวแห่งคลองแสนแสบบ้านพระโขนงและแม่ส้มแห่งบ้านบางบุตร อ. บ้านค่าย จ.ระยอง ที่หลวงปู่ทิม ศึกษาค้นคว้า นำพลังแห่งความรักของแม่ที่มีต่อลูกต่อผัวมาผูกพัน ตั้งธาตุเรียกรูปเรียกนาม ให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ ด้วยพุทธานุภาพและพลังสมาธิเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
            ผสมด้วยผงพรายกุมารและผงพุทธคุณต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมยัดเยียดให้ไว้กับศิษย์คนสุดท้ายที่วัดละหารไร่ ขณะนอนให้น้ำเกลือก่อนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทั้งยังได้รับผงพรายก้นครกจากหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ศิษย์เอกที่หลวงปู่ใช้ให้เตรียมว่านต่างๆ และตำผงผสมผง ทั้งผงจากนายสิงห์ราช อัมฤทธิและอดีตพระทองสุข วงศ์จันทร์ ที่ขออนุญาติหลวงปู่ทิมเก็บไว้เป็นของวิเศษสอนตัว นอกจากนั้นยังได้ดินจากถ้ำขุนแผนตรงที่ผ่าท้องนางบัวคลี ย่างกุมารและดินที่ ๘ ปรามาจารย์นั่งล้อมวงประลองวิชากันในถ้ำใหญ่ มาผสมด้วย
            ถอดแบบมาจากพระขุนแผนพรายกุมารหลวงปู่ทิมทั้ง ๒ พิมพ์ ทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก


            ปลุกเสกตามแบบฉบับของหลวงปู่ทิม “ชาติเสือต้องหาเนื้อกินเอง” 
หรือ “อย่างมั่นใจ ” พระครูอมรธรรมโมภาสหลวงปู่ชม วัดสามัคคี ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย และ ท่านก่งเตื่อง ปลุกเสก  อย่างเต็มที่ หลวงปู่ชมท่านปลุกเสกให้ 2 รอบด้วยครับ 
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๓๙ น.  

ลวงปู่ชม วัดสามัคคี หนองคาย(เกจิแห่งอีสานเหนือ)

ท่านก๋งเตื่อง จ.ตราด (เกจิสองแผ่นดินไทย-เขมร)


ขุนแผนแสนแสบเป็นขุนแผนที่ไม่หนีห่างจากสากหักแน่นอนครับ
เพราะทั้งพิธี และพระเกจิที่มาปลุกเสก