พระขุนแผนบรมครู ๓๒ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพรายกุมารสีแดงว่าน หลังตะกรุดทองแดงคู่

1
2
3
4
  พระขุนแผนบรมครู ๓๒  พิมพ์ใหญ่  เนื้อผงพรายกุมารสีแดงว่าน หลังตะกรุดทองแดงคู่
รายละเอียด :
หลวงปู่ทิม อิสริโก ประกาศิตไว้ว่า “อีกหน่อยพลิกแผ่นดินหาก็ไม่เจอ”

              วันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๓๑ ปีย่างเข้าปีที่ ๓๒ ของหลวงปุ่ทิม อิสริโก ประกอบกับ พระกริ่งชินบัญชรที่ถือกำเนิดในเทวีฤกษ์ สร้างขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ มีอายุการสร้างครบ ๓๒ ปี เช่นกัน ในวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่ทิมปีนั้นนอกจากจะทำบุญสัตมาวาร เพื่อระลึกถึงท่านดังเช่นที่ปฏิบัติกันมาทุกปีแล้ว วัดละหารไร่ ซึ่งมีพระครูวิจิตรธรรมาภิรัต (พระอาจารย์เชย) เจ้าอาวาสได้จัดพิธีเททองหล่อ “พระพุทธมงคลมหามุนี” ขึ้น (ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ชั้นล่าง ศาลาภาวนาภิรัต วัดละหารไร่)


มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จึงถือเอาเป็นวันมหามงคล เททองสร้าง พระกริ่งชินบัญชร ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหารายได้ช่วยวัดละหารไร่ สร้างพระมหาเจดีย์ภาวนาภิรัต และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆของมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก อาทิ หน่วยช่วยเหลือประชาชนเคลื่อนที่ที่มาบตาพุด โดยให้ชื่อว่า “พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒”

พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ ถอดแบบจากพระกริ่งชินบัญชรองค์เดิมของหลวงปู่ทิม แต่จะดัดแปลงให้สวยงามและพระพักตร์ให้อิ่มเอิบเป็นเอกลักษณ์ เข้าหุ่นด้วยดินไทยและเททองหล่อแบบโบราณ ณ ลานวัดละหารไร่ ต่อหน้า “ องค์พ่อปู่ฤาษีอิสริโกมุนี “ พร้อม “พระพุทธมงคลมหามุนี” เวลา ๑๒.๓๙ น. โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง นั่งปรกปลุกเสกหน้าเตาหลอมทอง ๔ องค์ ๔ ทิศ คือ

• ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) พระอาจารย์ สาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม


• ทิศประจิม (ทิศตะวันตก) หลวงพ่อ สิน วัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดพี่-วัดน้องกับ วัดละหารไร่ หลวงพ่อสินเอง เป็นศิษย์เอกอีกองค์หนึ่งของหลวงปู่ทิม ทั้งมีวัตรปฏิบัติที่งดงามเคร่งครัด และสำรวมยิ่งองค์หนึ่งของบ้านค่าย


• ทิศอุดร (ทิศเหนือ) หลวงปู่ทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง พระเถระผู้มีกระแสจิตแก่กล้า นอกจากจะได้ชื่อว่า เสกเดี่ยวได้อย่างมั่นใจไม่ต้องให้ใครมาช่วยเดี่ยวแล้ว ท่านยังเป็นพระปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดัง ท่านรับนิมนต์มานั่งปรกที่วัดหลวงปู่ทิมด้วยความยินดี เพื่อช่วยให้กริ่งบรมครู ๓๒ ดังสุดๆอีกครั้งหนึ่ง


• ทิศทักษิณ (ทิศใต้) ท่านเจ้าหรีด หรือพระครูบุญญาภินันท์ วัดปาโมกข์ จ.พังงา ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์สายใต้องค์หนึ่งซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ท่านนั่งปลุกเสกประจำทิศใต้ ท่านนั่งปลุกเสกมีดหมอรุ่นไหว้ครู (๑พฤษาคม๒๕๔๙) ต่อหน้ารูปหล่อหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่มูลนิธิฯ คู่กับพระอาจารย์สาคร จนน้ำมนต์หมุนให้เห็นกันจะจะมาแล้ว และเหรียญรุ่น ๑ ของท่านเจ้าหรีดก็กำลังดังมีคนถูกยิงแล้วไม่ระคายผิว

• เมื่อวันเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ นอกจากฝนฟ้าจะว่างเว้นให้อย่างอัศจรรย์ ๒ วัน ๒ คืน ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทิม ตลอดจนเทพพรหมมากันมืดฟ้ามัวดิน จนบดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังแผดกล้า แล้วยังมีเหตุอัศจรรย์ที่จะเรียกว่าอภินิหารหรือปาฏิหารย์ก็เห็นจะไม่ผิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ท่ามกลางสายตาผู้เข้าชมการเททองพระกริ่งนับพันคน การเททองหล่อพระพุทธรูปเป็นภูมิปัญญาของไทยเรามาแต่โบราณ จนถึงยุครัตนโกสินทร์ก็มีบ้านช่างหล่อ มีตระกูล วงศ์ช่างหล่อ แต่ปัจจุบันการสร้างพระปฏิมากรขนาดเล็กแบบพระกริ่ง มีการทำกันอยู่ ๒ ลักษณ์ คือ สร้างด้วยดินไทย และ สร้างด้วยดินฝรั่ง การสร้างด้วยดินฝรั่งเป็นการดัดแปลงเอาวิธีการของฝรั่งมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูปขนาดเล็ก โดยเอาวัตถุที่ใช้พอกหุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อทำจิวเวอรี่ หรือหล่อวัตถุต่างๆอันได้แก่เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาดัดแปลงเป็นการหล่อพระที่เรียกว่า เหวียง แทนที่จะใช้ ดินไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมของบรรพบุรุษ

การเททองแบบดินไทยต้องใช้ขี้วัวเป็นวัตถุดิบสำคัญ และต้องใช้ขี้วัวสดๆ ที่ถ่ายออกมาใหม่ๆ ผ่านกรรมวิธี เป็นดินพอกหุ่น

พราหมณ์ซึ่งเป็นเจ้าพิธีการมาแต่ครั้งโบราณถือว่า ของที่บริสุทธิ์และเป็นมงคลตามธรรมชาติที่จะต้องนำมาใช้ในงานพิธีสำคัญๆไม่ว่าจะเป็นงานของชาวบ้านหรืองานพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ มีอยู่ ๒ สิ่งคือ หอยสังข์ และ มูลโค หรือขี้วัว หอยสังข์ใช้เป่าในงานพระราชพิธีต่างๆถือว่าเป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ ส่วนมูลที่โคถ่ายออกมาก็ถือว่าเป็นของบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ เพราะโคไม่เคยเบียดเบียนใคร กินแต่หญ้ามาโดยตลอด มูลโคจึงถือเป็นของบริสุทธิ์ บรรพบุรุษของเราจึงเอามาเป็นวัสดุสำคัญในการหล่อพระ

การหล่อพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ตั้งใจทำด้วยความบริสุทธิ์ เอาสิ่งที่ถือว่าบริสุทธิ์ที่เกิดเองมาหล่อ เพื่อให้ท่านที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิม มีของมงคลของบริสุทธิ์ไว้ใช้ และคงเป็นความบริสุทธิ์ใจของคณะผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ขณะเททองประการแรกเมื่อได้ฤกษ์เททอง ๑๒.๓๙ น. อันเป็นราชาฤกษ์ เมื่อฆ้องประกาศฤกษ์ลั่นขึ้นพระอาทิตย์เวลาเที่ยงวัน ซึ่งกำลังส่องแสงอันแรงกล้าปราศจากเมฆหมอก ความร้อนจากแสงอาทิตย์กำลังแผดกล้า(หลังฝนตกหนักติดต่อกันมาแล้ว ๒ วัน เพราะดีเปรสชั่นเข้ามาทางภาคตะวันออก) ถ้าใช้มือป้องสายตามองขึ้นไปจะเห็นพระอาทิตย์กำลังทรงกลด

• คุณไพศาล ช่างการบินไทย ซึ่งพาภรรยามาร่วมพิธีด้วย เล่าให้ฟังภายหลังว่า ได้สะกิดให้ภรรยาซึ่งนั่งอยู่ในเต้นท์ที่อยู่ในประรำพิธีแหงนหน้าขึ้นไปมองพระอาทิตย์ มีเมฆหมอกมาบังให้ร่มเย็นอย่างอัศจรรย์ แต่ภรรยาซึ่งก็กำลังมองท้องฟ้าอยู่บอกว่า “อย่ามากวนใจกำลังมีความสุจ” ซึ่งอธิบายหลังพิธีว่า มองขึ้นบนท้องฟ้า เห็นรัศมีขาวใสดุจประกายเงินประกายทองของเทพ พรหม ครูบาอาจารย์เต็มไปหมด และโปรยปรายประกายเงินประกายทองลงมาในพิธี

ขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องว่า น้ำทองกระโดด จึงหันหลังกลับไปดูการเททอง นายสมบัติ ชัยยะ ซึ่งเป็นช่างเททองของโรงหล่อ ขุน-ชิน ลูกศิษย์สายตรงของอาจารย์ มาลี พัฒนากร ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่สายพระกริ่ง ขณะที่ช่างสมบัติ ชัยยะ กำลังตักน้ำทองออกจากเตาหลอมเพื่อเทลงในเบ้าพระกริ่ง น้ำทองโลหะที่กำลังละลายเป็นน้ำเหลวๆมีอุณหภูมีกว่า ๔,๕๐๐ องศา เกิดระเบิดขึ้นมาจากเบ้า แตกกระเด็นมาถูกเสื้องานกริ่งบรมครู ๓๒ สีขาว(ด้านหลังมียันต์๕) ตรงต้นแขนด้านขวา ความร้อนของโลหะที่ละลายเป็นน้ำถูกเสื้อขาดเป็นรู แทนที่น้ำทองร้อนๆจากโลหะจะเจาะทะลุเข้าไปโดนเนื้อจนถึงกระดูกแล้ว กลับไหลเป็นน้ำตกลงไปยังพื้นทรายเททองรองรับไว้ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ที่เฝ้าชมการเททองนับร้อยๆคน จากนั้นต่างคนต่างวิ่งไปขอบูชาเสื้อตัวละ ๓๐๐ บาทซึ่งเหลือไม่กี่ตัวไปจนหมด ผู้ที่บูชาเสื้อไม่ได้ต่างขอบูชาต่อจากผู้ที่ได้ไป จนบางคนโก่งราคาถึงตัวละ ๑,๐๐๐ บาท ก็ยังมีผู้บูชาไป

• ส่วน กัปตันมานิตย์ รุธีรยุทธ ซึ่งมีซิกเซ้นต์ มาร่วมงานกับคุณพิมพ์กานต์แฟนสาว บอกผู้เขียนก่อนเริ่มการเททองให้หาอาสนะไว้ที่หนึ่ง ปูรองด้วยใบตองและหญ้าคา เพราะหลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านได้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่มาร่วมพิธด้วย กัปตันบอกว่าน่าจะเป็น สมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว ปรมาจารย์เจ้าของตำรับการสร้างพระกริ่ง หรือพระชัยฉลองพระเดชพระคุณที่ผมได้มาจากกุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม เรื่องที่เล่านี้เป็นความเชื่อของผู้ที่เคารพนับถือหลวงปู่ทิมที่มาร่วมงาน

การสร้าง พระกริ่งชินบัญชร บรมครู ๓๒ หรือ รุ่นทองกระโดด ครั้งนั้นจะสร้างแบบโบราณด้วยการเข้าหุ่นด้วยดินขึ้วัวหรือดินไทยแบบโบราณ โดยถอดแบบพระกริ่งชินบัญชร รุ่นแรกปี ๒๕๑๗ แล้วยังจะคงไว้ซึ่งของเก่าๆ สมัยหลวงปู่ทิม ยังมีชีวิตอยู่ และมอบให้ผู้เขียนไว้ โดยจะบรรจุผงอุดก้นด้วยมวลสาร

• แต่เมื่อเสียงฆ้องตีบอกฤกษ์ดังขึ้น ท้องฟ้าซึ่งขณะนั้นพระอาทิตย์กำลังส่องแสงอันร้อนแรงเพราะปราศจากเมฆหมอกมาบดบัง พลันเมฆหมอกจากที่ไกลๆก็พากันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ท้องฟ้าครึ้มลง มีร่มเงาเกิดขึ้น อากาศเย็นสบาย

• ผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้ง หลวงปู่ทิม อิสริโก

• น้ำมันพระเจ้าตาก ที่ฝังไว้เมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน

• น้ำมันใส่ผมตราสงกรานต์ ที่หลวงปู่ทิม ปลุกเสกในพระอุโบสถวัดกระบกขึ้นผึ้ง เมื่อปี ๒๕๐๓ และเจ้าของนำมาฝากหลวงปู่ทิม ปลุกเสกต่อจนท่านมรณภาพ ก็ไม่มารับ(รวมเวลาที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกร่วม ๑๖ ปี)

• จีวร น้ำมันเสือ น้ำมันพราย สีผึ้ง และปิดก้นด้วยจีวรดาดเพดาน หรือ คาย อันเป็นที่สถิตย์ของครูบาอาจารย์ เมื่อหลวงปู่ทิมทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในกุฏิของท่าน เมื่อตบแต่งพระกริ่งสำเร็จแล้วจึงลงรักปิดทองบูชา ให้สมชื่อ พรายกุมารทอง

นอกจากพระชุดกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ ดังกล่าวแล้ว เอกลักษณ์สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของวัดละหารไร่ ที่ขาดไม่ได้ คือ พระขุนแผนพรายกุมาร หรือยอดขุนพลบ้านค่าย ในพิธีการสร้างพระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ จึงจำเป็นต้องสร้าง พระขุนแผนพรายกุมาร ขึ้นมาด้วย นอกจากจะสร้างเพื่อออกให้บูชาไว้ใช้ทดแทนของเก่าที่มีราคาแพงมากๆแล้ว ยังจะสร้างเพื่อถวายกุศลและสานปณิธานของหลวงปู่ทิม

พระขุนแผนพรายกุมาร รุ่นบรมครู ๓๒ นั้น พิมพ์ใหญ่มี ๒ พิมพ์ คือ

• พิมพ์สมาธิ พระพักตร์อิ่มเอิบคล้ายหลวงพ่อโสธร

• พิมพ์ปางมารวิชัย เค้าหน้าหรือพระพักตรถอดแบบจากพระประธานในพระอุโบสถไม้หลังเก่าของวัดละหารไร่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่หลวงปู่ทิมท่านปั้นด้วยมือของท่านเอง เมื่อสมัยหนุ่มๆ ท่านปั้นด้วยดินดิบทั้ง ๓ องค์ คือ พระประธาน ๑ องค์ และพระโมคคัลลาน์, พระสารีบุตร ถ้าใครได้เห็นพระองค์นี้จะรู้สึกได้ว่าหน้าพระพุทธรูปนั้นเหมือนหน้าหลวงปู่ทิม โดยเฉพาะที่ปาก

พระขุนแผนพิมพ์ใหญ่ ทั้ง ๒ พิมพ์ นั้นมีพิมพ์ด้านหลัง ๓ แบบ

แบบแรก เป็นอักขระพร้อมยันต์ห้า ซึ่งเป็นยันต์ที่หลวงปู่ทิมใช้ เพิ่มเติมว่า ยอดขุนพลบ้านค่าย

แบบที่ ๒ ด้านหลังยันต์ห้า เช่นเดียวกันแต่เปลี่ยนคำว่า ยอดขุนพลบ้านค่ายเป็น บรมครู

แบบที่ ๓ ด้านหลังย่อยันต์ห้าและอักขระเลขยันต์ที่หลวงปู่ทิมจารด้วยลายมือท่านไว้ใน ยันต์พัดโบก โดยพระขุนแผนบรมครู ๓๒ มีรายละเอียดดังนี้

๑. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพรายกุมาร ตะกรุดทองคำ

๒. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพรายกุมาร ตะกรุดเงิน

๓. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพรายกุมาร ตะกรุดทองแดง

๔. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพรายกุมาร ตะกรุดทองฝาบาตร

๕. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพรายกุมาร ไม่มีตะกรุด

๖. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์เล็กกระยาสารท เน้นสมนาคุณกรรมการ แก่ผงพรายกุมาร ด้านหน้าโรยผงตะไบพระกริ่งชินบัญชร ปี๒๕๑๗ ด้านหลังบรรจุจีวรดาดเพดาน

๗. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์เล็กกระยาสารทพิเศษ แก่ผงพรายกุมาร ด้านหน้าโรยผงตะไบพระกริ่งชินบัญชร ปี๒๕๑๗ ด้านหลังบรรจุยอดขุนพลจ้อยเนื้อดีบุกและจีวรดาดเพดาน

๘. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์เล็กเนื้อผงพิเศษ แก่ผงพรายกุมาร ด้านหน้าโรยผงตะไบพระกริ่งชินบัญชร ปี๒๕๑๗ ด้านหลังบรรจุจีวรดาดเพดาน

๙. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ พิมพ์เล็กเนื้อผงพรายกุมาร

๑๐. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ เนื้อนวโลหะ พิมพ์ใหญ่หน้าพระประธานเนื้อพระกริ่ง,พระชัยวัฒน์บรมครู เจาะก้นบรรจุผงพรายกุมาร

๑๑. พระขุนแผนพรายกุมาร บรมครู ๓๒ เนื้อสัมฤทธิ์ พิมพ์ใหญ่หน้าพระประธาน เจาะก้นบรรจุผงพรายกุมาร

ผู้ใช้หลายรายมีประสบการณ์จากผีแม่ส้ม และพรายกุมาร หลายรายแล้ว ส่วนผู้นิยมตรวจพุทธคุณและพลังจิต บอกแรงจริงๆ พระขุนแผนรุ่น๑ ที่แพงๆก็เถอะ จะต้องไปหาของแพงกว่าทำไม?

ในบรรดาผู้ที่เคารพนับถือและใช้พระเครื่องของหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่มาบูชา พระชุดชินบัญร บรมครู ๓๒ มีทั้งที่มาบูชาเพื่อทำบุญและช่วยเหลือวัดละหารไร่ ,มูลนิธิหลวงปู่ทิม บางรายมาเพราะศรัทธาว่าพระชุดนี้ต้องศักดิ์สิทธิ์ และขลังไม่แพ้ของเดิม จึงมาบูชาไปใช้ เพราะนอกจากจะเป็นการทำบุญสร้างกุศลยังได้ของดีไปบูชา

ในกลุ่มผู้ที่มาเช่าบูชา พระชุดบรมครู ๓๒ นี้ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากบริษัท ซี.พี.หลายคนมาบูชาพระชุดบรมครูไปมากมายหลายชุด และมากันหลายหนหลายครั้ง เห็นหน้ากันบ่อยๆก็เลยสนิทสนมกันจนต้องไต่ถามสาเหตุที่มาไปมากมาย คือ ท่านมากัน ๔ คน และลูกน้องตามมาบูชา พระกริ่งชินบัญชรบรมครู ๓๒ เนื้อทองคำไปถึง ๓ องค์ และพระกริ่งทั้งเนื้อนวโลหะ, เนื้อทองทิพย์ ทั้ง ๒ อย่างรวมกันเกือบ ๕๐ องค์

เมื่อพระกริ่งก้นทองคำ และก้นเงิน ทำเสร็จแล้ว ท่านเหล่านี้ยังมาขอแบ่งก้นหุ้มเงินและก้นหุ้มทองคำไปหุ้มพระกริ่งเนื้อทองคำและเนื้อนวโลหะที่เช่าบูชาไปหลายองค์อีกด้วย จากการที่มาบ่อยๆหลายครั้ง ตลอดจนเสียเวลานั่งคอยหุ้มก้นเงิน ก้นทองคำ ทำให้สนิทคุ้นเคยกันมากยิ่งขึ้น ผมจึงเรียนถามท่านทั้ง ๓ ว่า ทำไมถึงสละเงินหลายแสนบาทบูชาพระไปมากมายไม่เสียดายเงินบ้างหรือครับ ท่านตอบว่า เงินที่หามายากก็ต้องเสียดายเป็นธรรมดา แต่ของดีอย่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆพวกผมจึงมาบูชาไปหลายเงิน

นอกจากจะเอาไปใช้เอง เก็บไว้ให้ลูกหลานบ้างแล้ว ยังจะเอาไปแจกพวกลูกน้อง เพราะพระเครื่องของหลวงปู่ทิมที่พวกผมใช้กันอยู่ ให้ผลเห็นทันตาเวลาติดขัดแล้วอธิษฐานขออะไร ก็ได้ผลทันตาเห็น มีพวกผมบางคนนิยมของที่ทันหลวงปู่ทิมเสกแขวนพระกริ่งชินบัญชร รุ่นแรกองค์ละกว่า ๒ แสน (มูลค่า ณ ปี๒๕๔๙) ส่วนพวกผม ๓ คนนี้ก็ใช้พระเครื่องของหลวงปู่ทิม ไม่มีก็เพียงพระกริ่งอย่างเดียว พอดีทราบว่าพี่สร้างพระกริ่งขึ้นมาอีก พวกผม ๓ คนก็เลยมาจองพระกริ่งบรมครู ๓๒ เนื้อทองคำไว้คนละองค์ เพราะเชื่อว่า หลวงปู่ทิม ท่านต้องลงมาทำให้ เหมือนที่ท่านเคยพูดว่า ไม่ว่าพรจะทำอะไร นี่อยู่ที่ไหนก็จะลงมาทำให้ พวกผมเชื่อคำสัญญาของท่านประโยคนี้ ทุกครั้งที่พี่สร้างอะไรของท่าน ผมก็ฝากให้ลูกน้องมาบูชาไปทุกครั้ง ครั้งนี้มาบูชากริ่งเนื้อทองคำด้วยตนเอง

เจ้าหน้าที่บริษัทซี.พี.ระดับสูงพูดกํบผมอย่างนั้นทั้งเล่าต่อไปว่า ผมเอาพระกริ่งเนื้อทองคำและเนื้อทองทิพย์ไปให้ผู้ที่พวกผมนับถือตรวจพลัง ท่านบอกพุทธคุณสูงมากไม่แพ้ของเก่า อย่างกริ่งก้นทองแดงที่ราคาเป็นแสนที่ท่านเคยตรวจมาแล้ว และเรื่องอะไรที่ผมจะไปเก็บพระกริ่งชินบัญชรรุ่นเก่าที่ราคา ๒ แสน สู้บูชาพระกริ่งบรมครู ๓๒เนื้อทองคำที่สร้างเพียง ๓๒ องค์ไม่ดีกว่าหรือ? เงินที่เหลือบูชาเนื้อนวะและเนื้อทองทิพย์ไปแจกลูกน้องจะดีกว่า อาจารย์ที่ผมให้ท่านช่วยตรวจพุทธคุณบอกว่า เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองทิพย์ ทุกเนื้อพุทธคุณเท่ากัน และเหมือนกันหมด พุทธคุณเทียบเท่ากับพระกริ่งก้นทองแดงของเก่าอย่างไรก็อย่างนั้น

ผมถามอีกว่า อาจารย์ที่ตรวจพุทธคุณจะเชื่อถือได้แค่ไหน? เจ้าหน้าที่ซี.พี.ระดับสูง ที่ไม่ต้องการให้ออกชื่อตอบว่า ผมทดสอบกันมาหลายครั้งหลายหนแล้ว จนเชื่อใจได้บางครั้งใจเราคิดอย่างไรท่านยังรู้เลย

นอกจากรายของพวกซี.พี.แล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๐ คุณ วิเชียร อัศวะศรีกุลชัย หนุ่มรูปหล่อร่างสูงสง่า เจ้าของบริษัทโฆษณา เข้ามาที่มูลนิธิหลวงปู่ทิม จุดธูปบูชาและกราบไหว้หลวงปู่ทิม แล้วยังถามหาชุดกรรมการบรมครู ๓๒ ว่ายังมีอีกไหม? ผมจะขอบูชาอีกหลายชุด ถ้าเหลือน้อยจะเอาหมด ศิษย์หลวงปู่ทิมหลายคนที่มาช่วยงานที่มูลนิธิฯตอบว่าหมดแล้ว ชุดกรรมการถูกจองหมดตั้งแต่ของยังไม่ออกเพราะทำเพียง ๓๓๒ ชุดเท่านั้น และจำได้ว่า คุณวิเชียรจองชุดกรรมการไว้ถึง ๗ ชุดและมารับไปแล้ว ... ยังไม่พออีกหรือ? คุณวิเชียรตอบว่า ผมเหลือเพียงชุดเดียว อีก ๖ ชุดแจกไปหมด อยากจะเช่าเก็บไว้อีกเพราะเฮี้ยนจริงๆ คุณวิเชียรจึงเปลี่ยนใจของบูชาพระกริ่และพระขุนแผนไปอีกหลายองค์ในระหว่างรอการจัดพระให้ ผมถามคุณวิเชียรว่า เรื่องที่ว่าพระชุดนี้เฮี้ยนจัง เป็นอย่างไร?

คุณวิเชียรเล่าว่า ผมเอาพระชุดกรรมการทั้ง ๕ ชุด (จองไว้ ๗ ชุด เก็บไว้เอง ๒ ชุด) ให้เพื่อนไป ๕ คนพร้อมๆกัน พวกเขาไม่ค่อยจะเชื่อและนับถือหลวงปู่ทิมเหมือนผม แถมพูดเป็นทำนองดูหมิ่นท่านว่า “ชุดนี้มีผีหรือเปล่า? เอาชนิดที่มีผีมากๆมาให้ด้วยนะ จะดูว่าเฮี้ยนสักแค่ไหน?” เช้าวันรุ่นขึ้นเขามาหาผมแต่เช้าบอกพระที่ให้ไปเฮี้ยนจริงไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน มีทั้งแม่ทั้งลูกไปปลุกไปชวนคุยทั้งคืน ไม่ได้หลับฝันไปแต่เห็นกันแบบตาเนื้อ คุณวิเชียรบอกว่าไม่เฉพาะรายนี้รายเดียว เป็นกันถึง ๓ รายเพราะ ๓ คนนี่พูดดูหมิ่นท่าน ผมเลยบอกให้จุดธูปเทียนขอขมาหลวงปู่ทิมก็จะหาย คุณวิเชียรท่านนี้แขวนพระกริ่งชินบัญชร รุ่นแรก ที่คุณพ่อมาบูชาไปจากผมพร้อมพระชัยวัฒน์ องค์ละ ๓๐๐ บาทและ ๑๕๐ บาท สมัยออกใหม่ๆ

ตั้งแต่หันมาใช้พระกริ่งชินบัญชร นอกจากจะเป็นการระลึกถึงพระคุณของคุณพ่อแล้ว ยังได้อำนาจพุทธคุณ ช่วยให้กิจการของผมเจริญขึ้น เมื่อขัดข้องอะไรก็ขอ และผ่านไปได้ทุกครั้ง คุณวิเชียรเป็นคนหนึ่งที่มาร่วมทำบุญกับหลวงปู่ทิมเสมอ จนผมจำได้ทั้งชื่อนามสกุล