เหรียญขวัญถุงรับทรัพย์ หลวงพ่อล้าน เขมจิตโต พระเกจิแห่งลุ่มนาตาปี

1
2
3
4
พระ หลวงพ่อล้าน เขมจิตโต พระเกจิแห่งลุ่มนาตาปี เหรียญขวัญถุงรับทรัพย์ 
         เนื้อ  
รายละเอียด : หลวงพ่อล้าน เขมจิตโต พระเกจิแห่งลุ่มนาตาปี เหรียญขวัญถุงรับทรัพย์ 


คอลัมน์ มงคลข่าวสด

"หลวง พ่อ ล้าน เขมจิตโต" หรือ พระ ครูเกษมจิตตาภิรักษ์ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดขนาย ต.บางงอน อ.พุน พิน จ.สุราษฎร์ธานี

มี ความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าแห่งปักษ์ใต้

หลวง พ่อล้าน บำเพ็ญเพียรตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติดีเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางใจของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

วัตถุมงคลและเครื่องราง ที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ โดยเฉพาะตะกรุดผานไถและผ้ายันต์กันโจร

ปัจจุบัน หลวงพ่อล้าน สิริอายุ 77 พรรษา 50 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดขนาย จ.สุราษฎร์ ธานี และเจ้าคณะตำบลบางงอน

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า ล้าน สงนรินทร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2476 ณ บ้านคลองเคี่ยม ต.บางงอน อ.พุนพิน จ. สุราษฎร์ธานี

โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายสุขปั้น และ นางพร้อย สงนรินทร์ ครอบครัวมีพี่น้อง 7 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 2 ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม

ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียน เมื่ออายุ 7 ขวบ ได้เข้าศึกษาที่โรง เรียนวัดขนาย จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังจากนั้นได้ช่วยครอบครัวประกอบอาชีพทำนา และปลูกผักขาย

ใช้ชีวิต ในวัยหนุ่มด้วยการหาเลี้ยงครอบ ครัว แต่แล้วในวัย 27 ปี ท่านเกิดมีความคิดที่จะบวชเรียนตามประเพณี จึงได้กราบลาบุพ การี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2503 ณ วัดขนาย มีพระครูสถิตสันตคุณ (หลวงพ่อพัว) เจ้าคณะอำเภอคีรีรัฐนิคม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพิทักษ์ธรรมสาร (หลวงพ่อพริ้ม) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูรัษฎารามคณิศร์ เจ้าคณะตำบลบางงอน เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้ รับฉายานามว่า เขมจิตโต

หลังอุปสมบท ได้ศึกษาในพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ก่อนหันไปศึกษาวิชาอักขระขอม ลงเลขยันต์ จากหลวงพ่อพริ้ม

สำหรับ หลวงพ่อพริ้มนั้น ได้รับการถ่าย ทอดมาจาก พระสมุห์รวย หตาโส อดีตเจ้าอาวาสรูปก่อนอีกทีหนึ่ง

นอกจากวิทยาคมอักขระขอม ท่านยังได้เรียนวิชาต่อกระดูกตำรับวัดขนายโดยตรงจากหลวงพ่อพริ้ม ซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ผู้เป็นเจ้าของตำรา คือ ตาปะขาวผู้สร้างวัดขนาย

ทั้งนี้ วัดขนาย แต่เดิมมีชื่อว่า "วัดโคกพร้าว" ตามตำนานกล่าวกันว่ามีตาปะขาวหรือตาผ้าขาว (ผู้มีวิชาอาคม ถือศีล นุ่งขาวห่มขาว) เป็นผู้สร้างวัดขึ้น แต่ไม่ทราบหลักฐานที่แน่นอนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด

ต่อมาเมื่อมีชาว บ้านชาวช่องเข้ามาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินกันมากขึ้น จนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่โตขึ้นเป็นหมู่บ้าน มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า "หมู่บ้านขอ-นาย"

ภายหลังเพี้ยนไปเป็น ขนาย ในที่สุด ส่วน วัดโคกพร้าว ก็ได้เปลี่ยนมาเป็น วัดขนาย ตามชื่อหมู่บ้านไปด้วยในสมัยของ พระสมุห์รวย หตาโส อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 8 ของวัดขนาย ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระสมุห์เกษม โดยที่ท่านเป็นพระนักพัฒนาที่ได้พัฒนาวัดขนายให้มีความเจริญก้าวหน้า และยังเป็นพระเถระที่พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง

กระทั่ง พระปรีชาอุดม เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานีในสมัยนั้น เห็นคุณความดีงามของท่าน และเพื่อเป็นเกียรติแก่พระสมุห์เกษมหรือหลวงพ่อสำรวย จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อวัด จากวัดขนาย มาเป็น วัดเกษมบำรุง จนถึงปัจจุบันนี้ แต่ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ยังคงติดปากเรียกกันว่าวัดขนายอยู่เช่นเดิม

ท่าน ได้ศึกษาวิชาต่อกระดูกจนมีความเชี่ยวชาญ ได้นำมาใช้รักษาให้ชาวบ้านที่ประสบเหตุจนกระดูกหัก ให้หายเป็นปกติ

ลำดับ งานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2532 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดขนาย จ.สุราษฎร์ ธานี พ.ศ.2547 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบางงอน

ลำดับ สมณศักดิ์ พ.ศ.2518 เป็น พระสมุห์ล้าน เขมจิตโต พ.ศ.2540 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์

กล่าวกันว่า หลวงพ่อล้าน มีความชำนาญพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ, มงกุฎพระพุทธเจ้า, พระเจ้า 16 พระองค์ และฆะเฏสิ ทรงอิทธิคุณในทางขับไล่สิ่งอัปมงคลชั่วร้าย เสริมดวงชะตา นำพาโชคลาภวาสนาบารมี

สำหรับวัตถุมงคลที่หลวงพ่อล้าน ได้จัดสร้างจนโด่งดัง คือ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก หลังยันต์น้ำเต้า

แต่ ที่ได้รับการเล่าขานถึงอย่างกว้างขวาง คือ ตะกรุดผานไถพลิกแผ่นดิน ที่จัดสร้างจากผานไถจริงที่ใช้ไถนา เอามาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ทำตะกรุด นำมาหลอมรวมกันตามสูตรที่เรียนมาจากครูบาอาจารย์ จนได้รับการยอมรับจากบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องวัตถุมงคลว่ามีคุณเด่นด้าน เมตตามหานิยมและค้าขายเจริญรุ่งเรือง

หลวงพ่อล้าน กล่าวว่า "ตะกรุดผานไถพลิกแผ่นดิน ที่ช่วยให้สามารถพลิกชะตาจากร้ายให้กลายเป็นดี ดุจเดียวกับผานไถนาที่ช่วยพลิกแผ่นดินที่เสียให้กลับกลายเป็นดินดี สามารถปลูกข้าวให้งอกงามได้ เป็นที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ แต่กระนั้น จะอาศัยเพียงวัตถุมงคลอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องใช้ความพยายามลงมือทำ สร้างเนื้อสร้างตัว อย่าไปเบียดเบียนผู้อื่น และที่สำคัญ ต้องมีศรัทธาประกอบด้วย จะทำให้เราประสบผลสำเร็จได้"

แต่ถึงแม้วัตถุ มงคลของหลวงพ่อล้าน จะได้รับความนิยมจากบรรดาสานุศิษย์ แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่

มี แต่พร่ำสอนให้ญาติโยม อย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว เพราะอายุคนนั้นสั้นนัก ถึงไม่แก่ไม่เฒ่าก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าประมาท

หลวงพ่อล้าน มักนำปัจจัยที่สานุศิษย์นำมาถวายหรือได้รับกิจนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธา ภิเษกสำคัญทุกครั้ง เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา จะนำไปพัฒนาวัดและส่งเสริมด้านการศึกษาทั้งสิ้น ทำให้วัดขนายแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพัฒนาบรรยากาศภายในบริเวณวัดมีแต่ความสงบวิเวกเหมาะสมสำหรับการ ปฏิบัติธรรม

ด้วยล่วงเข้าสู่วัยชราอายุกว่า 77 ปีแล้ว ทำให้สุขภาพร่างกายย่อมเสื่อมถอยไปตามวัย

แต่ถึงกระนั้น ท่านก็คงยังเมตตาให้คณะศิษย์ได้เข้าพบเพื่อกราบนมัสการสนทนาธรรมจากท่านอยู่ มิได้ขาด

สมกับที่ได้รับการยกย่องให้ท่านเป็นพระเกจิดังแห่งลุ่ม น้ำตาปี