เขียนโดย ชินพร สุขสถิตย์
Sunday, 11 November 2007
นอกจากหนุมานเนื้อเงินและเนื้อนวโลหะ ดังที่กล่าว คุณอารมย์ ทับสุวรรณ์ ผู้ไปครอบครูหลวงปู่ทิมพร้อมกับผมได้นำหนุมานเนื้อผงมาให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกด้วยอีกจำนวนหนึ่ง เป็นหนุมานเนื้อผงพิธีใหญ่ของวัดโพธิท่าเตียน ก.ท.ม. โดย พล.ต.ต. เนือง อาขุบุตร นักนิยมเครื่องรางคนสำคัญในยุคนั้น เป็นแม่งานสร้าง คุณอารมย์ ทับสุวรรณ์ ไปเช่าบูชาไว้หลายตน เมื่อหลวงปู่ทิมปลุกเสกเพิ่มพลังแล้วได้ให้ผมไว้ ๑ ตน ผมเก็บไว้นานไม่ได้เอาออกมาใช้เลย จนเมื่อประมาณปี ๒๕๓๙ มีอาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ลาดกระบัง ท่านหนึ่งโทรมาถามผมว่า หลวงปู่ทิมเคยสร้างหนุมานเนื้อผงหรือไม่ อาจารย์ท่านนี้ไปได้หนุมานเนื้องผงมาตัวหนึ่ง เจ้าของบอกว่าเป็นหนุมานของหลวงปู่ทิม ผมนึกขึ้นได้ว่าคุณอารมย์ให้ผมมาตนหนึ่ง จึงขอให้อาจารย์ท่านนั้นเอามาให้ผมดู จะได้เอาตัวที่ผมมีอยู่มาเทียบดู ถ้าเหมือนทั้งพิมพ์และเนื้อก็ใช่ เป็นหนุมานที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกแน่นอน เมื่อเอามาเทียบก็เหมือนกันทุกอย่างทั้งเนื้อและพิมพ์ เพื่อให้แน่ใจจผมจึงได้ถามว่าได้มาจากใคร พอจะบอกได้ไหม อาจารย์ท่านนี้จึงบอกมาว่าได้มาจากคนขับรถของอดีตรัฐมนตรีเอนก ทับสุวรรณ์ ผู้เป็นน้องชายคุณอารมย์ ทับสุวรรณ์ ผมจึงบอกว่าเป็นของแท้แน่นอน เพราะเหมือนกับของผมทุกอย่าง คุณอารมย์คงให้คนขับรถรัฐมนตรีเอนก ไว้คุ้มครองป้องกันตัว ตั้งแต่นั้นมาผมเลยได้เอาหนุมานเนื้อผงพิมพ์หลวงพ่อสุ่นที่คุณอารมย์ให้มาใช้ติดตัวตลอด
วันหนึ่งผมขึ้นไปหาจ่าโกวิท แย้มวงษ์ ที่พรานนกพลาซ่า ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป จ่าโกวิทบอกว่า ก่อนที่ผมจะเปิดประตูเข้ามา ไม่ถึงนาที ได้ยินเสียงคนกระโดดอยู่ในห้อง (อยู่กัน ๓ คน) ได้ยินเสียงกันทุกคน แต่ไม่เห็นตัวจ่าโกวิทภรรยาและหลานยังงงกันอยู่พอดีกับผมเปิดประตูเข้ามา ความสั่นยังไม่หาย ผมก็มองไปที่ตู้โชว์พระของจ่าโกวิทก็เห็นหนุมานเนื้อผงพิมพ์เดียวกับของผมเข้าตนหนึ่ง ผมเลยพูดเล่นๆ ปนหัวเราะ แบบขำๆ ว่า หนุมานหลวงปู่ทิมตัวนี้ คงทักทายกับหนุมานของผมกระมัง จ่าโกวิทถามว่านี่หนุมานของหลวงปู่ทิมหรือ ? ผมบอกว่าใช่ เพราะมีอยู่ตัวหนึ่ง พร้อมกับเอาออกมาเทียบกับของจ่าโกวิท ปรากกฎว่าเหมือนกันทั้งเนื้อและพิมพ์ จ่าโกวิทบอกว่าได้มาจากแผงจรที่สวนจตุจักร ซื้อมาไม่แพงและไม่รู้เป็นของหลวงปู่องค์ใด เก็บไว้นานแล้วเพิ่งจะเอาจัดลงตู้เมื่อ ๒-๓ วันนี้เอง หนุมานของหลวงปู่ทิมจึงมิใช่มีแต่เพียงเนื้อโลหะอย่างเดียว ยังมีเนื้อผงอีกด้วย แต่ต่างพิมพ์กัน
หนุมาน เนื้อนวโลหะ ด้านหลัง
เมื่อหนุมานของหลวงปู่ทิม ออกให้บูชาหมดไปไม่นานก็มีผู้เล่าถึงอิทธิปาฎิหาริย์ ทันที คุณเฉลิมขวัญ รัตนไพศาล แม่บ้านใหญ่ธนาคารทหารไทยมาบูชาหนุมานเนื้อเงินไปหนึ่งตน ๕๐๐ บาท เจตนาก็เพื่อทำบุญกับหลวงปู่ทิม ไม่เชี่อเรื่องอิทธิปาฎิหาริย์ใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อได้หนุมานเนื้อเงินไปเพียง ๒-๓ วันก็เล่าให้คุณมานิดา สุขสถิตย์ ภรรยาผมซึ่งทำงานอยู่ที่ธนาคารทหารไทย ด้วยกันว่า “หนุมานที่ไปบูชาไปจากคุณมานิดา หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกจนเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยนะ เด็กคนใช้ที่บ้านเห็นลิงสีขาวไต่อยู่ตามรั้วบ้าน เห็นกันหลายคนเลย คงจะเป็นเพราะได้เอ่ยปากบอกว่า ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงให้เฝ้าบ้านให้ด้วย”
พนักงานขับรถ กรมพัฒนาที่ดินหลายคนใช้แต่หนุมานทั้งๆ ที่เกือบทุกคนมีพระกริ่งชินบัญชร เพราะพี่ภรรยาผมยัดเยียดให้เช่าไว้ตั้งแต่ออกให้บูชาใหม่ๆ เพราะกลัวผมสร้างพระกริ่งแล้วจะไม่มีคนเช่า เมื่อพระกริ่งชินบัญชร มีสนนราคาขึ้นไปเกือบหมื่นบาท จึงขายกันออกไปเกือบทุกคน แต่ทุกคนจะมีหนุมานไว้ มีเรื่องเล่ากันในหมู่เพื่อนๆ ว่าได้ขับรถบรรทุก ๖ ล้อ ไปกัน ๒ คน รถเกิดเสียต้องลงมาเข็นเพียงคนเดียว รถก็ติดได้อย่างเหลือเชื่อ โดยบอกให้หนุมานช่วย ไม่รู้มีแรงมาจากไหน เข็นรถบรรทุก ๖ ล้อ คนเดียวเครื่องก็ติดได้
มีอีกรายเล่าให้ผมฟังว่า ภรรยานอนป่วยอยู่โรงพยาบาลหญิง และได้เตียงซึ่งคนป่วยพึ่งเสียชีวิตไป จึงบอกหนุมานซึ่งติดไว้กับพวงกุญแจรถนำออกมาวางไว้หัวเตียงนอนของภรรยาแล้วสั่งว่า “พ่อขุนกระบี่ช่วยดูแลคุ้มครองแฟนพี่ด้วยนะ” พอดีคืนนั้นเกิดไฟฟ้าดับทั่วกรุงเทพฯ ดับอยู่หลายนาที ภรรยาเล่าให้ฟังว่า ตอนไฟฟ้าดับมืดเหมือนมีลิงตัวใหญ่มาโอบรอบตัวไว้รู้ได้จากการสัมผัสเมื่อไฟฟ้าติดก็หายไป
พวกหนุ่มๆ แถวประตูน้ำหลายคนใช้หนุมานของหลวงปู่ทิมติดตัวเป็นประจำ บางรายถึงกับใส่ตลับทองคำที่สั่งทำอย่างสวยงามมาก ผมถามว่านับถือถึงขนาดนี้เชียวหรือ? เขาตอบผมว่าไม่ใส่ตลับทองคำได้อย่างไรพี่แคล้วคลาดเป็นเยี่ยมเลย เรื่องร้ายๆ ผมผ่านตลอด พี่เชื่อไหมถ้าเรื่องผู้หญิงแล้วเยี่ยมจริงๆ ขุนแผนก็ขุนแผนเถอะ ผมว่าสู้หนุมานไม่ได้ เจาะจงคนไหนสั่งได้เลย ผมเจอมาหลายรายแล้ว ผมว่าคงจะจริงเพราะหนุมานมีเมียมากกว่าขุนแผนเสียอีก ไม่ว่าในน้ำบนบก แม้แต่บนอากาศ หนุมานก็เอามาทำเมียหมด ประการสำคัญหลวงปู่ทิม ท่านใช้ผงพรายกุมาร อย่างเข้มข้นบรรจุไว้ใต้ฐานทุกองค์
คุณพัลลภ รัตนาภายนต์ ผู้จัดการภาคการขายรถมิตซูบิชิ ซึ่งตอนเป็นพลทหารรอดตายจากการถล่มที่ห้วยโกร๋น จ.น่าน เมื่อปี ๒๕๑๘ เล่าให้ฟังว่า อาว์ซึ่งชอบเล่นเครื่องรางของขลังเกิดถกเถียงกับเพื่อนว่าหลวงปู่ทิมกับหลวงปู่อีกองค์หนึ่ง องค์ไหนจะแน่กว่ากัน อาว์คุณพัลลภ ชื่อเนาว์กุล แกก้องกิติ เลยเอาหนุมานเนื้อเงิน ออกมาทดลองด้วยปืนขนาด .๒๒ มม. ฝ่ายนั้นก็เอาพระเครื่องของหลวงปู่องค์นั้นที่แขวนอยู่ถึง ๕ องค์ ออกมาลองกัน คุณพัลลภเล่าว่า เอาหนุมานหลวงปู่ทิม วางไว้บนแผ่นไม้หน้า ๓ อธิษฐานบอกกล่าว แล้วยิงด้วยปืนซีแซท .๒๒ มม. จ่อยิงในระยะเผาขนมีคนเฝ้าดูกันอยู่หลายคน กระสุนปืนถูกเป้าอย่างจัง ตรงระหว่างเนื้อไม้กับฐานหนุมาน ความมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หนุมานเนื้อเงิน ตนนั้นตีลังกาเป็นวงโค้งแล้ววกกลับตกลงมาบนไม้หน้า ๓ ตรงจุดเดิม เหมือนกับมีชีวิตชีวา ทุกคนตกตะลึงกันหมด ส่วนเพื่อนที่ท้าทาย ก็เชื่อว่าพระเครื่องทั้ง ๕ องค์ ที่ใช้อยู่ก็แน่เหมือนกัน จึงรวบจับวางรวมกันไว้บนไม้หน้า ๓ แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงระยะเผาขนเหมือนหนุมานกระสุนถูกพระปิดตาองค์กลางแตกกระจุย พวงพระแตกกระจายเจ้าของพระถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร เพราะพระปิดตาองค์นั้นมีราคาเหยียบแสนบาท
มัจฉานุ เนื้อเงิน(มันเก่งทั้งบนบก ในน้ำและบนอากาศ) ด้านข้าง ใต้ฐานมีการจารและตอกโค๊ต
หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกเครื่องรางที่เป็นรูปสัตว์ได้อย่างมีชีวิตชีวา เมื่อผมและเพื่อนๆ หิ้วลังบรรจุหนุมานไปที่วัดท่านถามผมทันทีว่า เอาหัวใจมาด้วยหรือเปล่า ผมตอบท่านตามเคล็ดที่เคยได้ยินจากท่านว่า เอาหัวใจมาด้วยครับ ผมจำได้ตั้งแต่ผมได้สร้างพระกริ่งชินบัญชร ท่านถามผมว่าเอายอดเจดีย์ ยอดปราสาทมาด้วยหรือเปล่า ผมบอกว่าเอามาครับ ครั้งที่คุณเพียรวิทย์ และคุณมงคล นาคแพน ลาท่านไปเอาสิงโต ๔ ตัว ที่จะมาตั้งไว้ตรงบันไดศาลาภาวนาภิรัต หลวงปู่ทิมท่านสั่งว่า เอาหัวใจมันมาด้วยนะ ผมถามท่านว่า เอาหัวใจมาทำไมครับ หลวงปู่ทิมท่านบอกว่า “วันดีคืนดีมมันจะได้ออกมาวิ่งเล่นได้” เหมือนกับที่ท่านถามผมว่าเอายอดเจดีย์ยอดปราสาทมาด้วยหรือเปล่า ตอนไปเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร และพระกริ่งชินบัญชรที่ผมสร้างให้ท่านก็ดังระเบิดเป็นยอดพระกริ่งอยู่ในเวลานี้ การสร้างของให้ขลังให้ดังต้องมีเคล็ดวิชาประกอบด้วยครับ อย่างเช่นหลวงปู่ทิมท่านจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมารท่านก็สั่งให้ นายสิงห์ราช อัมฤทธิ์ ซึ่งมีทั้งชื่อ และนามสกุล เป็นมงคลคือมีทั้งมหาอำนาจและยืนยงเป็นอมตะ มาเป็นผู้สร้างพระขุนแผนพรายกุมารหรือยอดขุนพลบ้ายค่ายและก็โด่งดังเป็นที่แสวงหากันอยู่ในะขณะนี้ อาจารย์อนันต์ สวัสดิสวนีย์ อดีตหัวหน้าช่างสิบหมู่ของกรมศิลปากร ไปหาหลวงปู่พรหมมากับผมเป็นรายแรกๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว บอกกับหลวงปู่พรหมมาว่า ผมสร้างหนุมานให้หลวงปู่ทิมจนโด่งดัง หลวงปู่พรหมมาท่านพูดว่า สร้างพ่อมันแล้วก็สร้างลูกมันอีกซิ ลูกมันเก่งกว่าพ่อมันอีก มันเก่งทั้งในน้ำบนบกและในอากาศด้วย ผมและอาจารย์อนันต์ จึงสร้างลูกหนุมานขึ้นมาอาจารย์อนันต์สร้างตัวใหญ่ ผมสร้างตัวเล็กโดยอาจารย์อาจารย์อนันต์เป็นผู้ออกแบบ ลูกลิงที่มีหางเป็นปลาอายุประมาณ ๗-๘ ขวบ นั่งพนมมืออยู่บนเกลียวคลื่นมีไอ้จู๋ให้เห็นอย่างน่ารัก โรงหล่อช่างถนอม นครอินทร์ หล่อมาให้ผมเป็นตัวอย่าง ๕๐๐ ตน พร้อมกับหนุมานนั่งแท่นอีก ๕๐๐ ตน เป็นเนื้อสัมฤทธิ์แก่ทองเหลืองทองแดง ทั้ง ๒ อย่าง ช่างถนอมหล่อให้คราวเดียวกับการสร้างรูปหล่อยืนองค์ใหญ่ปี ๒๕๓๗ เอาไปส่งให้ผมที่วัดละหารไร่ เมื่อใกล้จะถึงเวลาปลุกเสก ผมจึงไม่ได้ตรวจใบส่งของว่ามีอะไรบ้างและก็ไม่คิดว่าช่างถนอมจะหล่อมัจฉานุมาให้ด้วยเพระาผมสั่งให้หล่อเสร็จก่อนวันเพ็ญเดือน ๑๒ ตอนพระจันทร์อยู่ตรงกับศีรษะในเวลาเที่ยงคืน เมื่อทางโรงหล่อทำมาให้เป็นตัวอย่างก่อนผมจึงไม่ทราบ จนพิธีปลุกเสกรูปหล่อยืนและของขลังอื่นเสร็จหมดแล้ว หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในขณะนี้ถามผมว่า “มีใครสร้างหนุมานให้เสกด้วยหรือ” ผมถามท่านว่า “ท่านทราบได้อย่างไร?” หลวงปู่หงษ์ บอกผมว่า “พระนารายณ์เสด็จมาในพิธีนี้ด้วย เจ้าแม่กวนอิมก็มา” และท่านยังบอกกับผมด้วยว่า “พ่อใหญ่ก็มาด้วย” ผมถามท่านว่า “ใครครับพ่อใหญ่” หลวงปู่หงษ์ท่านชี้ไปที่รูปหล่อหลวงปู่ทิมเพราะท่านไม่รู้จักหลวงปู่ทิมมาก่อนเลย ท่านพูดว่าของในที่นี้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเพราะหลวงพ่อใหญ่มาทำให้ และที่หลวงปู่หงษ์บอกว่า เจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์ก็มาด้วยก็เพราะในการปลุกเสกครั้งนี้ผมสร้างพระอวโลกิเตศวร ขนาดเล็ก ขึ้นมาด้วยพร้อมพระมหาเศษฐีนวะโกฎิ ประโยคที่หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ถามผมว่า “มีใครสร้างหนุมานให้เสกด้วยหรือ เพราะพระนารายณ์ เสด็จลงมาในพิธีด้วย” ผมจึงหยิบใบส่งของออกมาอ่านก็พบว่านอกจากรูปหล่อพิมพ์ยืนขนาดใหญ่และพระเครื่องอื่นๆ แล้ว ยังมีหนุมานเนื้อโลหะอีก ๕๐๐ ตน และมัจฉานุเนื้อโลหะอีก ๕๐๐ ตน หนุมานผู้พ่อและมัจฉานุผู้ลูกจึงปลุกเสกสำเร็จแล้วในวันนั้นจำนวนหนึ่ง ความตั้งใจของผมนั้นจะสร้างมัจฉานุไปให้หลวงปู่พรหมมาปลุกเสกบนผานางคอย ริมแม่น้ำโขงจังหวัดอุบลราชธานีในคืนวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึงแม้จะได้มัจฉานุเนื้อโลหะผสมแล้ว ๕๐๐ ตน ผมก็ขอให้โรงหล่อ หล่อมัจฉานุให้ผมอีกและให้เสร็จทันเอาไปปลุกเสกในวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่พรหมมาจะออกจากการจำศีล
มัจฉานุเป็นลูกชายของหนุมานซึ่งเกิดจากนางเงือกที่ชื่อสุวรรณมัจฉา เป็นเครื่องรางชนิดเดียวที่หาผู้สร้างได้ยากไม่มีเกจิอาจารย์องค์ใดกล้าปลุกเสกมาก่อน เพราะเกจิอาจารย์ที่สร้างมัจฉานุ ได้ต้องเก่งทั้งในน้ำและบนบก หนุมานนั้นเกจิอาจารย์ทั้งหลายได้ทำกันออกมามากมาย แต่มัจฉานุยังไม่เคยมีใครสร้างนอกจากหลวงปู่พรหมมา เพียงองค์เดียว ก่อนปลุกเสกท่านมอบน้ำมันเหล็กไหล ซึ่งหลวงปู่พรหมมาเอาก้อนเหล็กไหลแช่ไว้ในน้ำมัน ในบาตรพระตั้งอยู่บนคาย (คายคือสถานที่บูชาครูบาอาจารย์) ภายในถ้ำสถานที่จำศีลของหลวงปู่พรหมมา นอกจากน้ำมันเหล็กไหลของหลวงปู่พรหมมาแล้ว ผมได้เอาสีผึ้งโหลสุดท้ายของหลวงปู่ทิม ผสมลงไปพร้อมผงพรายกุมารแล้วเติมน้ำมัน ๙ กลิ่นลงไปเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันให้ท่วม มันฉานุทุกตัวบรรจุลงไปในลังลูกปืนของทหารอเมริกันซึ่งมีซีลกันน้ำได้เมื่อหลวงปู้พรหมมาปลุกเสกเสร็จแล้ว ผมนำเอาไปให้หลวงปู่ทองฤทธิ์ วัดป่าฉันทนิมิต จังหวัดกาฬสินธุ์ ปลุกเสกเสริมอีก ๑ คืน หลวงปู่ทองฤทธิ์เป็นพระปฎิบัติสายธรรมยุต ท่านบวชเป็นพระมหานิกายมาก่อน เมื่อบวชใหม่ๆ ท่านเดินทางไปศึกษาหาวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กทม. สำเร็จวิชาธรรมกาย ขั้นอัคนีธาตุกรด กสินไฟท่านแรงเท่าดวงอาทิตย์ ๗ ดวง เมื่อบวชได้ ๓๘ พรรษา ท่านสึกแล้วมาบวชเป็นพระธรรมยุตมี หลวงปู่ขาววัดถ้ำกลองเพล เป็นพระอุปัชฌาย์ สมัยสงครามเวียดนาม พระเครื่อง เหรียญ ผ้ายันต์ และตะกรุด ของหลวงปู่ขาวที่แจกตำรวจทหารและพลเรือน จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันนั้นหลวงปู่ทองฤทธิ์องค์นี้เป็นผู้ปลุกเสกให้นามหลวงปู่ขาว พูดง่ายๆ ว่า หลวงปู่ขาวมอบให้ท่านปลุกเสกด้วยความไว้วางใจเพราะเชื่อมือ
หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกเครื่องรางที่เป็นรูปสัตว์ได้อย่างมีชีวิตชีวา เมื่อผมและเพื่อนๆ หิ้วลังบรรจุหนุมานไปที่วัดท่านถามผมทันทีว่า เอาหัวใจมาด้วยหรือเปล่า ผมตอบท่านตามเคล็ดที่เคยได้ยินจากท่านว่า เอาหัวใจมาด้วยครับ ผมจำได้ตั้งแต่ผมได้สร้างพระกริ่งชินบัญชร ท่านถามผมว่าเอายอดเจดีย์ ยอดปราสาทมาด้วยหรือเปล่า ผมบอกว่าเอามาครับ ครั้งที่คุณเพียรวิทย์ และคุณมงคล นาคแพน ลาท่านไปเอาสิงโต ๔ ตัว ที่จะมาตั้งไว้ตรงบันไดศาลาภาวนาภิรัต หลวงปู่ทิมท่านสั่งว่า เอาหัวใจมันมาด้วยนะ ผมถามท่านว่า เอาหัวใจมาทำไมครับ หลวงปู่ทิมท่านบอกว่า “วันดีคืนดีมมันจะได้ออกมาวิ่งเล่นได้” เหมือนกับที่ท่านถามผมว่าเอายอดเจดีย์ยอดปราสาทมาด้วยหรือเปล่า ตอนไปเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร และพระกริ่งชินบัญชรที่ผมสร้างให้ท่านก็ดังระเบิดเป็นยอดพระกริ่งอยู่ในเวลานี้ การสร้างของให้ขลังให้ดังต้องมีเคล็ดวิชาประกอบด้วยครับ อย่างเช่นหลวงปู่ทิมท่านจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมารท่านก็สั่งให้ นายสิงห์ราช อัมฤทธิ์ ซึ่งมีทั้งชื่อ และนามสกุล เป็นมงคลคือมีทั้งมหาอำนาจและยืนยงเป็นอมตะ มาเป็นผู้สร้างพระขุนแผนพรายกุมารหรือยอดขุนพลบ้ายค่ายและก็โด่งดังเป็นที่แสวงหากันอยู่ในะขณะนี้ อาจารย์อนันต์ สวัสดิสวนีย์ อดีตหัวหน้าช่างสิบหมู่ของกรมศิลปากร ไปหาหลวงปู่พรหมมากับผมเป็นรายแรกๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว บอกกับหลวงปู่พรหมมาว่า ผมสร้างหนุมานให้หลวงปู่ทิมจนโด่งดัง หลวงปู่พรหมมาท่านพูดว่า สร้างพ่อมันแล้วก็สร้างลูกมันอีกซิ ลูกมันเก่งกว่าพ่อมันอีก มันเก่งทั้งในน้ำบนบกและในอากาศด้วย ผมและอาจารย์อนันต์ จึงสร้างลูกหนุมานขึ้นมาอาจารย์อนันต์สร้างตัวใหญ่ ผมสร้างตัวเล็กโดยอาจารย์อาจารย์อนันต์เป็นผู้ออกแบบ ลูกลิงที่มีหางเป็นปลาอายุประมาณ ๗-๘ ขวบ นั่งพนมมืออยู่บนเกลียวคลื่นมีไอ้จู๋ให้เห็นอย่างน่ารัก โรงหล่อช่างถนอม นครอินทร์ หล่อมาให้ผมเป็นตัวอย่าง ๕๐๐ ตน พร้อมกับหนุมานนั่งแท่นอีก ๕๐๐ ตน เป็นเนื้อสัมฤทธิ์แก่ทองเหลืองทองแดง ทั้ง ๒ อย่าง ช่างถนอมหล่อให้คราวเดียวกับการสร้างรูปหล่อยืนองค์ใหญ่ปี ๒๕๓๗ เอาไปส่งให้ผมที่วัดละหารไร่ เมื่อใกล้จะถึงเวลาปลุกเสก ผมจึงไม่ได้ตรวจใบส่งของว่ามีอะไรบ้างและก็ไม่คิดว่าช่างถนอมจะหล่อมัจฉานุมาให้ด้วยเพระาผมสั่งให้หล่อเสร็จก่อนวันเพ็ญเดือน ๑๒ ตอนพระจันทร์อยู่ตรงกับศีรษะในเวลาเที่ยงคืน เมื่อทางโรงหล่อทำมาให้เป็นตัวอย่างก่อนผมจึงไม่ทราบ จนพิธีปลุกเสกรูปหล่อยืนและของขลังอื่นเสร็จหมดแล้ว หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในขณะนี้ถามผมว่า “มีใครสร้างหนุมานให้เสกด้วยหรือ” ผมถามท่านว่า “ท่านทราบได้อย่างไร?” หลวงปู่หงษ์ บอกผมว่า “พระนารายณ์เสด็จมาในพิธีนี้ด้วย เจ้าแม่กวนอิมก็มา” และท่านยังบอกกับผมด้วยว่า “พ่อใหญ่ก็มาด้วย” ผมถามท่านว่า “ใครครับพ่อใหญ่” หลวงปู่หงษ์ท่านชี้ไปที่รูปหล่อหลวงปู่ทิมเพราะท่านไม่รู้จักหลวงปู่ทิมมาก่อนเลย ท่านพูดว่าของในที่นี้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเพราะหลวงพ่อใหญ่มาทำให้ และที่หลวงปู่หงษ์บอกว่า เจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์ก็มาด้วยก็เพราะในการปลุกเสกครั้งนี้ผมสร้างพระอวโลกิเตศวร ขนาดเล็ก ขึ้นมาด้วยพร้อมพระมหาเศษฐีนวะโกฎิ ประโยคที่หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ถามผมว่า “มีใครสร้างหนุมานให้เสกด้วยหรือ เพราะพระนารายณ์ เสด็จลงมาในพิธีด้วย” ผมจึงหยิบใบส่งของออกมาอ่านก็พบว่านอกจากรูปหล่อพิมพ์ยืนขนาดใหญ่และพระเครื่องอื่นๆ แล้ว ยังมีหนุมานเนื้อโลหะอีก ๕๐๐ ตน และมัจฉานุเนื้อโลหะอีก ๕๐๐ ตน หนุมานผู้พ่อและมัจฉานุผู้ลูกจึงปลุกเสกสำเร็จแล้วในวันนั้นจำนวนหนึ่ง ความตั้งใจของผมนั้นจะสร้างมัจฉานุไปให้หลวงปู่พรหมมาปลุกเสกบนผานางคอย ริมแม่น้ำโขงจังหวัดอุบลราชธานีในคืนวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึงแม้จะได้มัจฉานุเนื้อโลหะผสมแล้ว ๕๐๐ ตน ผมก็ขอให้โรงหล่อ หล่อมัจฉานุให้ผมอีกและให้เสร็จทันเอาไปปลุกเสกในวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่พรหมมาจะออกจากการจำศีล
มัจฉานุเป็นลูกชายของหนุมานซึ่งเกิดจากนางเงือกที่ชื่อสุวรรณมัจฉา เป็นเครื่องรางชนิดเดียวที่หาผู้สร้างได้ยากไม่มีเกจิอาจารย์องค์ใดกล้าปลุกเสกมาก่อน เพราะเกจิอาจารย์ที่สร้างมัจฉานุ ได้ต้องเก่งทั้งในน้ำและบนบก หนุมานนั้นเกจิอาจารย์ทั้งหลายได้ทำกันออกมามากมาย แต่มัจฉานุยังไม่เคยมีใครสร้างนอกจากหลวงปู่พรหมมา เพียงองค์เดียว ก่อนปลุกเสกท่านมอบน้ำมันเหล็กไหล ซึ่งหลวงปู่พรหมมาเอาก้อนเหล็กไหลแช่ไว้ในน้ำมัน ในบาตรพระตั้งอยู่บนคาย (คายคือสถานที่บูชาครูบาอาจารย์) ภายในถ้ำสถานที่จำศีลของหลวงปู่พรหมมา นอกจากน้ำมันเหล็กไหลของหลวงปู่พรหมมาแล้ว ผมได้เอาสีผึ้งโหลสุดท้ายของหลวงปู่ทิม ผสมลงไปพร้อมผงพรายกุมารแล้วเติมน้ำมัน ๙ กลิ่นลงไปเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันให้ท่วม มันฉานุทุกตัวบรรจุลงไปในลังลูกปืนของทหารอเมริกันซึ่งมีซีลกันน้ำได้เมื่อหลวงปู้พรหมมาปลุกเสกเสร็จแล้ว ผมนำเอาไปให้หลวงปู่ทองฤทธิ์ วัดป่าฉันทนิมิต จังหวัดกาฬสินธุ์ ปลุกเสกเสริมอีก ๑ คืน หลวงปู่ทองฤทธิ์เป็นพระปฎิบัติสายธรรมยุต ท่านบวชเป็นพระมหานิกายมาก่อน เมื่อบวชใหม่ๆ ท่านเดินทางไปศึกษาหาวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กทม. สำเร็จวิชาธรรมกาย ขั้นอัคนีธาตุกรด กสินไฟท่านแรงเท่าดวงอาทิตย์ ๗ ดวง เมื่อบวชได้ ๓๘ พรรษา ท่านสึกแล้วมาบวชเป็นพระธรรมยุตมี หลวงปู่ขาววัดถ้ำกลองเพล เป็นพระอุปัชฌาย์ สมัยสงครามเวียดนาม พระเครื่อง เหรียญ ผ้ายันต์ และตะกรุด ของหลวงปู่ขาวที่แจกตำรวจทหารและพลเรือน จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันนั้นหลวงปู่ทองฤทธิ์องค์นี้เป็นผู้ปลุกเสกให้นามหลวงปู่ขาว พูดง่ายๆ ว่า หลวงปู่ขาวมอบให้ท่านปลุกเสกด้วยความไว้วางใจเพราะเชื่อมือ
หลวงปู่ทองฤทธิ์ อุตตโม วัดป่าฉันทนิมิต
เมื่อผมเอามัจฉานุออกให้บูชาผู้คนก็มาบูชาไปเกือบหมด และผมกล้าท้าทายให้ทดลองเพราะผมมั่นใจ ทั้ง หลวงปู่พรหมมาและหลวงปู่ทองฤทธิ์ อีกทั้งยังมีน้ำมันเหล็กไหลสีผึ้งหลวงปู่ทิม ตลอดจนน้ำมันพรายผสมไปด้วยทำให้มั่นใจยิ่งขึ้น มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟังเสมอๆ คุณปรีดี ผลนิวาส ตำรวจเก่าบ้านอยู่ในซอยเฉลิมสุขใกล้กับบ้านผม ได้มาบูชาเป็นรายแรก ๕๐๐ บาท เป็นเนื้อเงิน คุณปรีดี ขับรถโฟลค์เต่าไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหน้าร้านอมรรัชดา ขายรถเบ็นซ์ ปากซอยรัชดา ๔๒ มีผู้คนมานั่งทานกันหลายคนในจำนวนนั้นมีเด็กสาวสวยเซ็กซี่นุ่งกางเกงขาสั้น ๒ คน คุณปรีดีนึกจะทดลองมัจฉานุทันที แล้วกำมัจฉานุไว้ในมือแล้วอธิษฐานในใจว่า ถ้ามัจฉานุแน่จริงให้เรียกสาวสองคนนั้นไปด้วย เมื่อทานเสร็จ สาววัยรุ่น ๒ คนยิ้มให้คุณปรีดี แล้วพูดว่าอยู่ในซอยใช่ไหมคะ หนูขอนั่งรถไปด้วยนะคะ คุณปรีดี ผลนิวาส งงและทึ่งมากจนทุกวันนี้ บอกมัจฉานุของเขาแน่จริงๆ อีกรายหนี่งคุณอวยพร วิเศษจินดา อดีตเจ้าหน้าที่จัดหาที่ดินของกรมชลประทาน สมัยทำงานจัดสรรที่ดินตอนสร้างเขื่อนภูมิพล ได้ลูกสาววิศวกรอเมริกันเป็นภรรยามีลูกชายเป็นผู้ชาย ๑ คนโตเป็นหนุ่มใหญ่ได้ไปอยู่กับแม่และตาที่ รัฐเคนตั๊กกี้ ที่บ้านเพาะพันธุ์ม้าแข่งขาย คุณอวยพรบูชามัจฉานุผมไปคู่หนึ่งทั้งเนื้อเงินและเนื้อนวโลหะ ส่งไปให้ภรรยาและลูกชายที่ รัฐเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา ไม่นานภรรยาคุณอวยพรบอกว่า “มังกี้บอยที่ยูส่งมาให้แน่จริงๆ ไปปลุกไอว่าไอ้มืดมันกำลังขโมยลูกม้าเลยโดนส่องวิ่งหางจุกตูดไป” นอกจากลูกเมียจะประสบกับเหตุการณ์อย่างเหลือเชื่อในต่างแดนแล้วคุณอวยพรยังแนะนำลูกชายนายแพทย์ท่านหนี่งของกรมชลประทาน เอามัจฉานุไปใช้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งหนุ่มผู้นั้นหมายปองมานานแล้วแต่ไม่สำเร็จ เมื่อเอามัจฉานุติดตัวไปจีบไม่นานก็สมปรารถนา แล้วยังไปบูชาจากร้านพระ คุณมานพที่ตลาดสดศรีย่านซึ่งเหลืออยู่ ๖ ตน ไปจนหมด
คุณอาลักษ์ นุชนาถ ทำงานอยู่สำนักงานใหญ่ธนาคารกสิกรไทยที่สนามเป้า ถนนพหลโยธินมาบูชาเนื้อเงินจากบ้านผมไป ๑ ตน ต่อมาได้บูชาเพิ่มไปอีกหลายตน เล่าให้ผมฟังว่า
หลวงพ่อเกษม เขมโก
เมื่อสงกรานต์ ปี ๒๕๓๘ ได้เดินทางไปเที่ยวสงกรานต์ที่ภาคเหนือ ขากลับได้แวะกราบนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง พร้อมกับคุณพ่อ ฯพณฯ ปรีชา นุชนาถ องคมนตรี และท่านผู้การโยธิน โดยเจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง จัดให้เข้าเยี่ยมวันนั้นเป็นวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๓๘ อันเป็นวันมหาวัน ทั้ง ๓ ท่าน ได้ถอดพระเครื่องทั้งหมดใส่พานถวายให้หลวงพ่อเกษม มนต์ (คือปลุกเสกเพิ่มพลัง) คุณอาลักษณ์ นุชนาถ เล่าให้ผมฟังว่า หลวงพ่อเกษมหยิบเอามัจฉานุในพานขึ้นมาเพียงตนเดียว ท่ามกลางความตกใจของทุกคนเพราะหลวงพ่อเกษมไม่เคยทำอย่างนี้ กับพระเครื่องใดๆ มาก่อน เมื่อหยิบมัจฉานุขึ้นมาท่านพูดว่า “อ้ายลูกลิงตัวนี้แรงจัง” นี่แหละครับมัจฉานุลูกชายหนุมานที่ผมสร้างขึ้นมันเก่งกว่าพ่อมันอีก มันเก่งทั้งในน้ำและบนบกมีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ของมัจฉานุอีกมากมายที่ผู้บูชาไปแล้วเล่าให้ฟัง แต่ที่แปลกที่สุดก็คือ หลวงพ่อฤทธิ์ รัตนโชโต แห่งวัดชลประทานราชดำริ ท่านเอ่ยปากให้ผมสร้างหนุมานให้ท่านตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ก่อนที่ผมจะไปพบท่านเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ เสียอีก หนุมานที่ท่านขอให้ผมสร้าง ท่านบอกว่าให้สร้าง หนุมานผ่านศึก ชนะยักษ์ ชนะมาร จนได้ครองเมืองขีดขิน ท่านกลัวจะสร้างแบบไม่ถูก ท่านถึงกับลงทุนแสดงท่านั่งถ่ายรูปเป็นแบบให้ผม แต่จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ได้สร้างให้และคนอื่นมาขอสร้างท่านก็ไม่อนุญาต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิ หลวงปู่ทิม อิสริโก