พระปรก องค์จ้อย ใบมะขาม เนื้อ ดีบุก





พระ       พระปรก องค์จ้อย ใบมะขาม         เนื้อ ดีบุก

รายละเอียด:
   ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ วันที่ ๑๙ ส.ค.๕๓ เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีร่วมหล่อยอดฉัตร (ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต), พระกริ่งชินบัญชรขนาดพระธาน, พระมหาเศรษฐีนวโกฏิและ พระชัยวัฒน์ประจำตระกูล



     วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปีนี้เป็นวันเศรษฐีมหาเศรษฐีที่เกจิอาจารย์รุ่นเก่าได้รวบรวมกันค้นคว้า นำเอา ๙ อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นมหาเศรษฐีในครั้นพุทธกาลมาร่วมกัน สถาปนาขึ้นเป็นพระพุทธรูป ๙ พระพักตร์ เพื่อน้อมนำเอาคุณความดีของ ๙ มหาเศรษฐีสมัยพุทธกาลซึ่งเป็นโยมอุปฐากและสร้างถาวรวัตถุ วัดวาอาราม ถวายพระพุทธเจ้า และสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย

     มหาเศรษฐีเหล่านั้นแต่ละท่านมีเงินมากเป็นโกฏิๆ แม้ว่าจะบริจาคทรัพย์สินเงินทองสร้างวัดวาอารามไปมากมายมหาศาล แต่กลังยิ่งมีอานิสงส์ให้เงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น บรรดาปรมาจารย์และพระเกจิอาจารย์ในสมัยโบราณจึงร่วมกันคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้เคารพบูชาโดยมี ๙พระพักตร์เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อเป็นการระลึกถึงและเคารพมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน

    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจันโท ได้รจนาพระคาถาบูชาพระมหาเศรษฐนวโกฏิขึ้นเป็นภาษาบาลี เพื่อใช้สวดมนต์ขอพร และอาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้ให้บังเกิดแก่ผู้ที่นำไปเคารพบูชา เมื่อแปลจากพระคาถาที่เป็นภาษาบาลีออกมาได้ความดังนี้

    ขอทรัพย์สินเงินทองของเราอย่าเสื่มสิ้นไป อุปัทวอันตรายอย่าเกิดแก่เรา ... ขอสายธารแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารจงตกลงมาในเรือนของเราเหมือนในเรือนของท่านธนัญชัยอัครมหาเศรษฐี ขอแก้วแหวนเงินทองโภคทรัพย์ทั้งปวงจงตกลงในเรือนของเราเหมือนของท่านยัสสะเศรษฐี, ท่านสุมานะเศรษฐี, ท่านชะฎิกัสสะเศรษฐี, ท่านอนาคปิณฑิกเศรษฐี, ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี, ท่านโชติกะเศรษฐี, ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี, ท่านวิสาขามหาอุบาสิกามหาเศรษฐี

     วัตถุมงคลที่จะร่วมในพิธีเททองหล่อยอดเจดีย์ และสร้างถาวรวัตถุวัดละหารไร่ ในครั้งนี้ เรียกโดยรวมว่า รุ่น “ยอดฉัตร” นอกจากจะเททองหล่อยอดฉัตร(ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัต)แล้ว ยังไว้สร้างวัตถุมงคล ดังต่อไปนี้

    ๑. พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้วจำนวน ๙๙ องค์ , หน้าตัก ๕ นิ้วจำนวน ๑๙๙ องค์, และขนาดห้อยคอเนื้อนวโลหะจำนวน ๒,๕๙๙ องค์

    ๒. หล่อพระพุทธรูป พระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้ว ผู้สถาปนาทำนุบำรุงวัดละหารไร่จากที่ชำรุดทรุดโทรม เมื่อ ๔๐ปีก่อนให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ ถึงแม้หลวงปู่ทิมจะมรณภาพไปแล้ว ๓๕ ปีแต่ท่านก็ได้สร้างพระกริ่งชินบัญชรขึ้นให้ เป็นมรดกตกทอดใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ผู้ที่เคารพนับถือให้เจริญรุ่งเรืองจนแผ่บารมีมาถึงวัดละหารไร่ เป็นเหตุให้วัดละหารไร่เจิรญรุ่งเรืองขึ้น แม้พระกริ่งชินบัญชรที่หลวงปู่ทิมท่านสร้างขึ้นมีจำนวนมากถึง สามพันกว่าองค์ มากกว่าของพระเกจิอาจารย์ใดๆในยุคนั้นก็จริง แต่ก็มีราคาแพงแสนแพงและหายากขึ้นทุกวัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดใหญ่หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้น ก็เพื่อให้ผู้ที่ใช้พระกริ่งชินบัญชรตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด(พระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส.) ขึ้นไว้เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชา เป็นเครื่องเตือนและระลึกว่า พระกริ่งชินบัญชรที่พวกท่านบูชาอยู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำนุบำรุงวัดละหารไร่ให้เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น ยังทำให้ท่านที่ใช้รุ่งเรืองเจริญ สงเคราะห์และขจัดปัดเป่าอุปสรรคความขัดข้องให้หมดไปจากผู้ที่เคารพบูชา ซึ่งตัวท่านผู้ใช้ต่างรู้กันดี จึงขอแจ้งให้มาร่วมกันสร้าง
         นอกจากจะเททองสร้างพระพุทธรูป “กริ่งชินบัญชร” หน้าตัก ๓๖ นิ้วขึ้นแล้ว ยังจะสร้างพระกริ่งชินบัญชรขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วขึ้นจำนวนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นพระชัยวัฒน์ประจำตัว ตามแบบที่แม่ทัพ นายกอง และเศรษฐีในสมัยโบราณสร้างขึ้นไว้สำหรับใช้บูชาประจำตัว เวลาเคลื่อนย้ายทัพหรือเวลาเดินทางก็ได้ นอกจากจะคุ้มครองปกป้องแล้วยังจะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย ในองค์พระชัยวัฒน์บูชาประจำตัว (พระกริ่งชินบัญชร ขนาด ๓ นิ้ว) นอกจากจะบรรจุดวงชะตาของผู้ที่ต้องการบูชาแล้วยังบรรจุดวงพระยันต์มหาพิชัยสงคราม พระยันต์รณรงค์สงคราม ยันต์สารพัดกัน ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ทิมตามตำราที่ผู้สร้างได้รับมาจากหลวงพ่อเริ่ม ปรโม ศิษย์ทายาทวิชาโหราศาสตร์ของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ที่เคยให้ผู้สร้างเป็นผู้ดำเนินการสร้างพระชัยวัฒน์ประจำตระกูล เพราะชีวิตคนเราในปัจจุบัน นอกจากจะต้องต่อสู้และป้องกันแล้วยังจะต้องมีมหาระงับคุ้มตัวด้วย ชีวิตจึงจะปลอดภัย ,เป็นสุข และรุ่งเรืองก้าวหน้า

        ๓. สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งอันถือเป็นสัญญาลักษณ์ของวัดละหารไร่ที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ “พระขุนแผนพรายกุมาร” เมื่อครั้งเททองสร้างพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬสที่วัดละหารไร่ เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ไม่ได้นึกถึงและไม่คิดจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร ตกดึกหลังเททอง หล่อพระกริ่งแล้วเพียงคืนเดียว หลวงปู่ทิม ไปเข้าฝันถามคุณประชา ตรีพาสัย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่าทำไมไม่สร้างเอกลักษณ์ของวัดไว้? ผมและคุณประชาจึงต้องนำชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส มาหล่อเป็นพระขุนแผนเนื้อโลหะขึ้นไว้ด้วย และให้ได้ผลเหมือนพระขุนแผนรุ่นแรกที่มีราคาเหยียบล้านขึ้นไป การสร้างยอดฉัตรครั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์ของวัดขึ้นไว้ด้วย ทั้งเนื้อผงและเนื้อนวโลหะจากชนวนชินบัญชร ๗๒

     ๔. นอกจากนั้นจะสร้างพระปรกมะขาม อันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ขึ้นอีกด้วยเรียกว่า “องค์จ้อยยอดฉัตร” นอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อนำไปติดบนยอดฉัตรแล้วจะนำออกให้บูชาด้วยกัน ๕ เนื้อ คือ ทองคำ เงิน นวโลหะ ดีบุก และทองแดง โดยนำชนวนพระกริ่งชินบัญชร ๗๒, พระกริ่งชินบัญชร ญสส. ที่เททองแล้วตะกรุดไม่ละลายมาผสมเป็นชนวนในองค์จ้อยยอดฉัตร ทุกๆเนื้อเพื่อให้โด่งดังเหมือนปรกองค์จ้อยหลวงปู่ทิม